RS แนวโน้มครึ่งปีหลังฟื้นอย่างมีนัยฯเก็งอัตราใช้เวลาโฆษณาเพิ่มขึ้น 25%

บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ระบุว่า เรตติ้งประเทศของช่อง 8 ของ RS ในเดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ 0.35 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 0.31 ในเดือน พ.ค. (คงอันดับ 4) ด้านราคาหุ้นมี upside 20% จึงคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 13 บาท


บล.เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ระบุในบทวิเคราะห์ (13 ก.ค.) ว่าบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS จากเรตติ้งประเทศของช่อง 8 (ผู้ชมทั่วประเทศอายุ 4+) ในเดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ 0.35 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 0.31 ในเดือน พ.ค. (คงอันดับ 4)

ส่วนอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยในไตรมาส 2/58 คาดทรงตัวจากไตรมา 1/58 และอัตราใช้เวลาโฆษณา (Utilization rate) คาดว่าเพิ่มขึ้นจากราว 25% ในไตรมาส 1/58 มาอยู่ที่เพียงราว 45% ในไตรมาส 2/58 ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่ระดับ 60% ส่งผลให้คาดว่ารายได้จากธุรกิจสื่อของ RS ฟื้นตัวเพียง 15% จากกไตรมาสก่อน แต่ต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มละครอีก 1 เรื่องต่อสัปดาห์

ขณะที่รายได้จากธุรกิจโชว์บิซ (จัดอีเวนต์และคอนเสิร์ต) คาดปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมีการจัดงานคอนเสิร์ต D2B โดยรวมจึงคาดว่าไตรมาส 1/58 มีกำไรสุทธิเพียง 1.1 ล้านบาท พลิกฟื้นจากไตรมาส 1/58 ที่ขาดทุน 41.5 ล้านบาท แต่ต่ำกว่าที่บริษัทเคยคาดหวังและให้ข้อมูลเป้าหมายต่างๆไว้

สำหรับครึ่งปีหลังของปี 58 ชะลอแผนการลงทุนเพิ่มละครในวันเสาร์-อาทิตย์ รวมถึงชะลอการเพิ่มเวลาออกอากาศละคร (จาก 1 ช.ม. เป็น 1.5 ช.ม.) ออกไป เพื่อลดการการเติบโตของต้นทุน ขณะที่รายได้จากธุรกิจสื่อคาดจะฟื้นตัวต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจุบัน Utilization rate ของช่อง 8 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 60% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่มากกว่า 75% ในไตรมาส 4/58 ทำให้ Utilization rate เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ราว 60-65% ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ที่เฉลี่ย 75% เนื่องจากเศรษฐกิจยังอ่อนแอ ทั้งนี้คาดธุรกิจเพลงจะมีกำไรจากการให้บริการเพลงใน Line music มาชดเชยเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคาดว่าในครึ่งปีแรกประสบผลขาดทุน ขณะที่คาดการณ์กำไรปีนี้สูงกว่า 6 ร้อยล้านบาท เป็นผลให้ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไร RS ปี 58-60 ลงเฉลี่ยปีละ 57% โดยภายใต้ประมาณการใหม่ กำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 153 ล้านบาท ลดลง 59% จากปีก่อน เพราะรายได้ของช่อง 8 ต่ำกว่าเป้าขณะที่ต้นทุนทีวีดิจิทัลเพิ่มขึ้น

ประกอบกับไม่มีกำไรพิเศษจากฟุตบอลโลกเหมือนปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีหน้ากำไรสุทธิจะกลับมาเติบโต 101% ภายใต้สมมติฐานเรตติ้งที่สูงกว่าปีนี้ ช่วยให้ Utilization rate เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 80%และอัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยเนื่องจากคาดว่ากำไรปี 59-61 จะเติบโตสูงเฉลี่ย 63% ต่อปี จากธุรกิจสื่อทีวีดิจิทัลที่คาดจะเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ

ทั้งนี้จึงประเมินมูลค่าพื้นฐาน อิงวิธี DCF ภายใต้ประมาณการใหม่อยู่ที่ 13 บาท ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมา 25.5% ตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย. 58 เชื่อว่าสะท้อนแนวโน้มกำไรปีนี้ที่ต่ำกว่าคาดแล้ว จนมี upside 20% จึงคงคำแนะนำซื้อ

Back to top button