ถือ MAJOR รอรับปันผล มากกว่า 3.7%ผลประกอบการสดใส แต่ Upside จำกัด

ช่วงที่เหลือของปีคาด MAJOR จะเติบโตได้ดี จากหนังฟอร์มยักษ์หลายเรื่องและการเปิดโรงหนังเพิ่มต่อเนื่อง จึงคงประมาณการกำไรปกติทั้งปีเติบโต 20% แต่ราคาหุ้นขึ้นมาตอบรับจน upside จำกัด จึงคงคำแนะนำ “ถือ” รับ Div. Yield ไม่ต่ำกว่า 3.7% ต่อปี


บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (10 ส.ค.) ว่า บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/58 ทำสถิติสูงสุดตามคาด ที่ 490.6 ล้านบาท แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษจากการขายหุ้น SF ราว 48 ล้านบาท กำไรปกติอยู่ที่ 441.9 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ขายตั๋วภาพยนตร์เพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาล ซึ่งมีภาพยนตร์ทำรายได้สูงเกิน 250 ล้านบาท 3 เรื่อง ขณะที่ รายได้ค่าโฆษณาเติบโตส่วนหนึ่งมาจากรายได้ Sponsor ชื่อโรง ของโรงหนังใหม่ที่ Emquartier ซึ่งจะสร้างได้ราว 80 ล้านบาทต่อปี ส่วนรายได้ธุรกิจอื่นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ยกเว้น 2 ธุรกิจที่หดตัว คือบริษัทย่อย MPIC และธุรกิจโบว์ลิ่ง

 

กำไรปกติครึ่งปีแรกของปี 58 คิดเป็น 50% ของประมาณการกำไรปกติปีนี้ และไตรมาส 2/58 แม้คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่กำไรพีคสุดของปี แต่กำไรครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนโดยมีภาพยนตร์ที่ทำรายได้ Box-Office เกิน 100 ล้านบาท แล้ว 2 เรื่องคือ MINONS และ ANT-MAN และมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่กำลังเช้าฉาย คือ Mission Impossible 5 คาดจะทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทเช่นกัน และไตรมาส 4/58 มี The Hunger Garmes: Mockingjay part 2 (คาดจะทำรายได้ดีกว่า part 1 ในปีก่อน), Star Wars: Episode VII และ Bond 24: Spectre

ขณะที่จำนวนโรงหนังเพิ่มมากกว่าปีก่อนอย่างต่อเนื่อง ส่วนรายได้ค่าโฆษณาคาดเติบโตจากปีก่อนในช่วงที่เหลือของปีเช่นกัน เนื่องจากมีการขายโฆษณาตามเรื่องที่เข้าฉาย ส่งผลให้ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปกติทั้งปีที่ 1,207 ล้านบาท เติบโต 20% และเติบโตต่อเนื่อง 10% ในปีหน้า เพราะมีหนังฟอร์มยักษ์แนวซุปเปอร์ฮีโร่ถึง 5 เรื่อง (ปีนี้มีเพียง 3 เรื่อง)

 

แม้ภาพรวมผลประกอบการสดใส แต่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นจนเหลือ upside จำกัด จึงคงคำแนะนำ “ถือ” รอรับ Div yield มากกว่า 3.7% ต่อปี ทั้งนี้ จ่ายเงินปันผลระหว่างการ 0.55 บาท (XD 20 ส.ค.) ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท

Back to top button