TISCO โบรกชูคุณภาพสินทรัพย์ดี-โชว์สำรองแกร่ง 262% แนะซื้อรอรับปันผลยีลด์สูง 7%  

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (19 เม.ย.2565) ว่า บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO รายงานกำไรไตรมาส 1/2565 ที่ 1.8 พันลบ. ปรับตัวดีขึ้น 2% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ทรงตัว เทียบไตรมาสก่อนหน้า ผลประกอบการออกมาใกล้เคียงกับคาดการณ์ของเราและตลาด โดยประเด็นเชิงบวก ในไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่การตั้งสำรองที่ลดลงค่อนข้างมาก 80% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 90% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เหลือเพียง 85 ลบ. หลังคุณภาพสินทรัพย์มีพัฒนาการเชิงบวกชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานหลักยังอ่อนแอ กำไรก่อนการตั้งสำรองลดลง 13% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ 24% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง โดยรายได้จากการบริหารทรัพย์สินลดลง 37% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้โบรกเกอร์ลดลง 9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้ค่าธรรมเนียมวาณิชธนกิจ ลดลง 71% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

คุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มดีขึ้น โดยสัดส่วน NPL ดีขึ้นจาก 2.44% ในไตรมาส 4/2565 เป็น 2.15% ในไตรมาส 1/2565 สัดส่วนลูกหนี้ในมาตรการบรรเทาผลกระทบลดลงเหลือ 7% ของ พอร์ตสินเชื่อเทียบ 8% ในไตรมาสก่อนหน้าและจากระดับสูงสุดที่ 24% ในไตรมาส 2/2563 ผลจาก NPL ที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้สัดส่วนการกันสำรองต่อหนี้เสีย (coverage ratio) เพิ่มเป็น 262% เทียบกับ 237% ในไตรมาส 4/2564 และระดับเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 170% ฝ่ายบริหารเร่งขยายพอร์ตสินเชื่อส่งผลพอร์ตสินเชื่อเติบโตได้ 0.2% เทียบไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังลดลง 7.8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และห่างจากเป้าหมายในปี 2565 ที่เติบโต 3-5% ค่อนข้างมาก

คงคำแนะนำ ซื้อ TISCO จากอัตราผลตอบแทนปันผลที่สูงราว 7% แม้ภาพแนวโน้มกำไรจะเติบโตได้เพียงเล็กน้อย แต่ตัวเลขทางการเงินส่งสัญญาณที่ดี โดยเฉพาะในส่วนของคุณภาพสินทรัพย์ อย่างไรก็ตามยังเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับ TISCO ในประเด็นการขยายพอร์ตสินเชื่อหรือผลักดันการเติบโตให้ถึงเป้าหมายหาก มองจากความคืบหน้าในปัจจุบัน มองความเสี่ยงอัพไซด์และดาวน์ไซด์ใกล้เคียงกัน โดย TISCO อาจมีอัพไซด์จากการตั้งสำรองที่ต่ำกว่าที่คาดหลังคุณภาพสินทรัพย์มี พัฒนาการที่ดี แต่มีดาวน์ไซด์ของการเติบโตสินเชื่อและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยหลัง ธนาคารมีฐานสูงจากผลการดำเนินงานแข็งแกร่งในปีที่ผ่านมา โดยแนะนำซื้อคงราคาเป้าหมาย 107 บาท