
โบรกเชียร์ซื้อ GULF เป้า 54 บ. ลุ้นกำไร Q2 โต 12 เท่าตัว แตะ 6.25 หมื่นล้านบาท
บล.เคจีไอ คาดโชว์กำไรสุทธิแตะ 62,550 ล้านบาท เติบโต 1,219% จากช่วงปีก่อน รับรู้กำไรพิเศษครั้งเดียว จากการรับรู้กำไรการประเมินมูลค่าหุ้น ADVANC หลังปิดดีลควบกิจการ มูลค่าราว 5.5 หมื่นล้านบาท พ่วงรับปันผล KBANK แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 54 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF คาดการณ์วันที่ 8 ส.ค. บริษัทน่าจะประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 แข็งแกร่งอยู่ที่ 62,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,219% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 1,060% จากไตรมาสก่อนหน้าจากกำไรพิเศษ (one-time gain) ที่เกิดขึ้นจากการรับรู้กำไรจากการประเมินมูลค่าหุ้นของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าตลาด (bargain purchase) หลังจากการควบรวมกิจการครั้งล่าสุดหลังรวมบริษัทครั้งล่าสุด 5.5 หมื่นล้านบาท
อีกทั้ง มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (Fx) อยู่ที่ 550 ล้านบาท ขณะที่คาดกำไรหลัก อยู่ที่ 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้น 31% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้กำไรหลักครึ่งแรกปี 68 อยู่ที่ 18,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (คิดเป็น 47% ของกำไรหลักปี 68) กำไรที่พุ่งขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนหน้าและ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลักๆ จะมาจากการถือหุ้นเพิ่มใน ADVANC ขึ้นเป็น 40.44% (จากเดิม 19%)
นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากเงินปันผลที่รับจาก ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK จำนวน 950 ล้านบาท และการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าประเภท IPP ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยค่า Ft (ค่าไฟฟ้าผันแปร) อยู่ที่ 0.25 บาทต่อหน่วย ลดลง 0.11 บาทเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลง 0.14 บาทเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในโรงไฟฟ้า SPP อยู่ที่ 317 บาทต่อ mmbtu ลดลง 14 บาทจากไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 3 บาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเดิมที่ 54.00 บาท แม้ว่าการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “Pay Lay” เป็น 100% จากเดิม 40% (คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 2575) จะช่วยเพิ่มมูลค่าราว 1 บาทต่อหุ้น แต่ผลบวกดังกล่าวถูกกลบด้วยการประเมินมูลค่าของบริษัทไทยคม (THCOM) ที่ปรับตัวลดลง ฝ่ายวิเคราะห์มองว่า ธุรกรรมควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่ GULF ดำเนินอยู่ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากต้นทุนเงินทุนที่ต่ำลง และงบดุลที่แข็งแกร่งขึ้น จะค่อยๆ ช่วยเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ในระยะถัดไป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยยืนยันถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่งกว่าคู่แข่งในกลุ่มเดียวกัน
แม้ว่าปัจจุบันค่า P/E และ P/BV ของ GULF จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม เนื่องจาก ROE และอัตราการเติบโตในช่วงที่ผ่านมาลดลง แต่ด้วยแนวโน้มการเติบโตในอนาคตที่โดดเด่นกว่า ทำให้ GULF ยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง