MAJOR โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 12.80 บาท รับอานิสงส์ร่วมทุน TKN – หนังฟอร์มยักษ์หนุนงบ Q4

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มอง MAJOR ได้แรงหนุนจากการร่วมทุนกับ TKN ตั้งบริษัทร่วม “Popcorn Major” ผลิตป๊อปคอร์นพร้อมทาน หนุนรายได้ระยะยาว และคาดไตรมาส 4/68 เป็นไตรมาสทำกำไรสูงสุดของปี


บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PST ระบุในบทวิเคราะห์ประเมิน บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ว่า หลังบริษัทแจ้งตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เป็นที่เรียบร้อย

โดยทาง TKN ได้แจ้งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุน “ทีเคเอ็น แอนด์ เมเจอร์ ป๊อปคอร์น” เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายข้าวโพดคั่วแบบซองพร้อมทาน ภายใต้เครื่องหมายการค้า “Popcorn Major” โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น TKN สัดส่วน 51% และ MAJOR สัดส่วน 49%

เดิม MAJOR จ้างให้ TKN เป็นผู้ผลิตสินค้าให้ และ MAJOR มีรายได้จากการขาย “Popcorn Major” ในร้านสะดวกซื้อและโมเดิร์นเทรดประมาณเดือนละ 600,000–700,000 ซอง การร่วมทุนครั้งนี้จะช่วยใช้ความเชี่ยวชาญของ TKN ในด้านการกระจายสินค้าและช่องทางจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะที่ MAJOR จะร่วมพัฒนารสชาติ เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตสู่ระดับ 1–1.5 ล้านซองต่อเดือน

ทั้งนี้ทางฝ่ายวิจัยประเมินว่า ในช่วงแรกอาจทำให้รายได้จากป๊อปคอร์นลดลง เนื่องจากรายได้จากป๊อปคอร์นนอกโรงภาพยนตร์ที่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 19% จะโอนไปยังบริษัทร่วมทุน แต่ในระยะยาวการเติบโตของยอดขายจะเข้ามาชดเชย และ MAJOR จะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุนกลับมา

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/2568 คาดว่ากำไรของ MAJOR จะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากภาพยนตร์ Top 10 เพิ่มขึ้นกว่า 60% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แม้จะมีค่าใช้จ่ายจากการคืนพื้นที่เช่าบางส่วนให้สยามพารากอนราว 30–40 ล้านบาท แต่โดยรวมยังคาดว่ากำไรจะขยายตัวได้

ทั้งนี้ แนวโน้มไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดของปี โดยแม้รายได้จากภาพยนตร์ “ธี่หยด 3” จะไม่ร้อนแรงเท่าภาค 2 ที่ทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศสูงถึง 815 ล้านบาท แต่ยังถือเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดของปีนี้ และเป็นเรื่องแรกที่มีรายได้เกิน 200 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 5 ตุลาคม มียอดรายได้ 224 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่เตรียมเข้าฉายภายในไตรมาส 4 อีกหลายเรื่อง อาทิ Avatar 3, อนงค์ 2, เสือ (ภาคต่อจากขุนพันธ์ 3), มือปืน, หมู่บ้านโคกะโหลก รวมถึงภาพยนตร์รองอีกหลายเรื่อง ซึ่งจะช่วยชดเชยรายได้ที่ลดลงของ “ธี่หยด 3” ส่งผลให้ทางฝ่ายวิจัยยังคงมองว่าไตรมาส 4/68 จะเป็นช่วงที่ผลประกอบการของ MAJOR ดีที่สุดของปี โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12.80 บาท

Back to top button