คลาดหุุ้นไทย

เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน *ประเด็นความคิดเกี่ยวกับการลงทุนในเที่ยวนี้เป็นอะไรที่ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เพราะลูกเล่นที่ถูกนำเอามาใช้ในเที่ยวนี้เป็นแค่การ “ลากหุ้น ทุบหุ้น” ตามแบบฉบับของกองทุนตัวแสบ ผสมโรงกับการเข้าทำเร็วของปอบผีฟ้า ส่งผลให้ดัชนีแกว่งตัวขึ้นๆ ลงๆ ไร้ทิศทางที่แน่นอนตายตัว และผลดังกล่าวก็ทำให้ผู้เล่นหลายรายถอยไปตั้งหลักกันเป็นแถว เพราะรับไม่ได้กับความผันผวนที่เกิดขึ้นเจ้าค่ะ *น่าประหลาดใจตรงที่ ทุกคนที่มีคนเริ่มทยอยถอยห่าง มักมีรายการตลบหลังเกิดขึ้นเป็นประจำ ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดว่า การลงทุนเที่ยวนี้เขาวัดกันที่สายป่านใครยาวกว่ากัน และดูที่ความไวในการทำรอบใครเร็วกว่ากัน “โมนิก้า” ถึงเชื่อในสัจธรรมการลงทนที่ว่า โลกของการลงทุนไม่มีอะไรแน่นอน และเกมการเงินเป็นอะไรที่พลิกไปพลิกมาตลอดเวลาเช่นกันพะยะค่ะ *วานนี้ถึงเห็นดัชนีพลิกจากจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,559.64 จุด ทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,567.47 จุด บวกไป 5.20 จุด ด้วยมูลค่า 4.42 หมื่นล้านบาท โดยฝรั่งตาน้ำข้าวหวนกลับเข้ามาซื้อหุ้น 1.22 พันล้านบาท ส่วนปอบผีฟ้าก็เก็บหุ้นตามน้ำเข้าไป 288 ล้านบาท ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า กรอบการเล่นเที่ยวนี้ยังอยู่ที่ระดับ 1,550-1,600 จุด บรรดาผู้เล่นรายใหญ่ถึงชอบเล่นทีเผลอไงล่ะค่ะ *เหมือนกับการเสนอข่าว GL ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ทำให้เดี๊ยนรู้เลยว่า ผู้คนในตลาดหุ้นยุคนี้อ่อนข้อมูล และไม่เคยคิดจะสืบค้นข้อมูลที่เกิดขึ้นจากคำชี้แจงต่างๆ เพราะมั่วแต่ฟังคำพูดแถไปแถมา จนหลงลืมไปว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันมาจากแนวทางการทำธุรกิจสีเทา ส่งผลให้คนที่รู้ต้นสายปลายทางพากันหนีตายจ้าระหวั่น เพราะเกมนี้อีกไม่นานก็คงจะจบนั่นเองเจ้าค่ะ *น่าเสียดายที่นักข่าวไร้เดียงสาบางสำนักดันเสนอข่าวแบบพวกหัวสี่เหลี่ยม จึงดูเหมือนว่า ไม่มีอะไรผิดปกติจากที่เป็นอยู่สักเท่าไหร่? “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่รับไม่ได้จริงๆ เพราะแสดงให้เห็นว่า ตามเกมไม่ทัน! แถมไม่มีการเช็คข่าวจากผู้รู้ในแวดวงการเงินแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่อันตรายสำหรับตลาดหุ้นไทย เดี๊ยนถึงเดินหน้าแฉแหลกไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น หลังราคาหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 21.50 บาท บวกไป 2.30 บาท หรือขึ้นไป 12% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1 พันล้านบาทนะซี *ส่วนในรายของ BEAUTY เด้งขึ้นมาปิดที่ 9.75 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่า 680 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นการพลิกตัวที่เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะก่อนหน้านี้บรรดาแมงลือยังเม้าท์กันสนุกปากว่า กองทุนตัวแสบเป็นคนสาดหุ้นออกมา จู่ๆ วานนี้นักลงทุนสถาบันรายดังกล่าวก็แสดงยอดซื้อสุทธิแบบนี้ เขาถึงพูดกันว่า หุ้นขึ้นหรือไม่ขึ้น ให้ดูที่ท่าทีของกองทุนเป็นหลักนะคะ *เช่นเดียวกับในรายของ CPN นอนสลบไสลเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 5-6 เดือน จู่ๆ เด้งขึ้นมายืนที่ 60.50 บาท บวกไป 2.75 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่า 630 ล้านบาท มันเป็นการตลบหลังที่แสบทรวงดีเหลือเกิน เพราะเนื้อในแทบไม่มีอะไรแตกต่างจากที่ผ่านมา วันนี้กลับเล่นกันแบบโหดๆ “โมนิก้า” มองเป็นช็อตที่แมงเม่าต้องคิดให้ดีว่า กล้าตามไปดูไหม? เพราะรอบที่แล้วก็หมดแรงแถวนี้แหล่ะ! *ส่วนในรายของ IRPC เริ่มสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 5.60 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2.75% ด้วยมูลค่า 1.29 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ เพราะแสดงให้เห็นว่า หุ้นกำลังจะสร้างฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม จึงเป็นช็อตที่ต้องตามไปดูกันสักนิดหนึ่ง โดยเฉพาะพวกที่เป็นแฟนคลับเฮีย “สุกฤตย์” ต้องไม่พลาดโอกาสนี้นะคะ *เช่นเดียวกับคนที่ชอบตามไปดู IVL ทุกย่างก้าวที่เกิดขึ้น ก็ไม่ควรละสายตาจากหน้ากระดานหุ้น เพราะหุ้นกำลังขึ้นไปทดสอบยอดเดิมที่บริเวณ 38 บาทเป็นครั้งที่ 3 หากครั้งนี้ผ่านไปได้แบบชิวๆ แถมมีวอลุ่มแน่นๆ รับรองว่า เป้าหมายที่ราคา 40 บาทไม่ไกลเกินเอื้อม ขณะที่ราคาล่าสุดวานนี้ยืนอยู่ที่ 37 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ต้องคิดนะคะ *เหมือนกับในรายของ JAS วันนี้จะเป็นวันตัดสินอนาคตของผู้เล่นรายย่อยที่สำคัญครั้งหนึ่ง หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีการอนุมัติให้ขายสินทรัพย์เข้ากองทุน สิ่งที่จะได้กลับคืนมาก็คือ ปันผลพิเศษ! ซึ่งผู้เล่นหลายรายเคยเห็นกันมาแล้ว และครั้งนี้ก็คงทำให้ผู้ถือหุ้นยิ้มแก้มไม่หุบอย่างแน่นอน หากมีการอนุมัติจัดตั้งจริงๆ บวกกับวานนี้ราคาหุ้นยืนอยู่แค่ 8.80 บาท บวกไป 0.15 บาท ด้วยมูลค่า 300 ล้านบาท มันเป็นระดับที่ลงทุนได้สบายๆ นะจะบอกให้

คลาดหุุ้นไทย

ตลบหลัง!

ซังกะตาย

บริษัท บูรพาทัศน์ (1999) จำกัด