ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (4 ก.ค.68) นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการวันแรก พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับแนวทางการทำงานและภารกิจสำคัญที่จะดำเนินการในช่วงเริ่มต้นของการเข้ารับตำแหน่ง นายฉันทวิชญ์ ระบุว่า ภารกิจด้านต่างประเทศเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐ ซึ่งแม้จะเป็นประเด็นใหญ่และมีข้อจำกัดด้านเวลา แต่ยืนยันว่าจะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ สำหรับการเจรจาที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ขณะนี้ มีความคืบหน้าอย่างมาก โดย กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังมีแผนดำเนินงานที่ชัดเจน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถเจรจาเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ ส่วนเรื่องอัตราภาษีที่อาจเกิดขึ้น ยังต้องรอความชัดเจนจากทีมเจรจา และขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลทรัมป์ในสหรัฐฯ นายฉันทวิชญ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาภาษีนำเข้าสินค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งมี นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นประธานทีมเจรจา ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการและติดตามผลอย่างใกล้ชิด เชื่อว่าไทยจะสามารถเจรจาได้ดี เพื่อให้ได้อัตราภาษีที่สามารถแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ แม้ขณะนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ระดับภาษีที่แน่ชัด แต่หากอัตราภาษีไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนามที่ 20% รัฐบาลก็พร้อมหามาตรการช่วยเหลือภาคเอกชน เช่น การลดต้นทุนผ่านสิทธิประโยชน์ BOI หรือมาตรการลดภาษีอื่น ๆ สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ผลของการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยสำคัญ โดยยังเชื่อว่า GDP ปีนี้จะไม่ติดลบ หากรัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเดินหน้าเจรจา FTA เพื่อผลักดันการค้า การส่งออก รวมถึงการหาตลาดใหม่สำหรับผู้ประกอบการ พร้อมทั้งพัฒนาสินค้าไทยให้มีจุดขายที่แตกต่าง รวมถึงเร่งฟื้นภาคการท่องเที่ยวควบคู่กัน ส่วนกรณีเงินบาทแข็งค่า ซึ่งอาจกระทบต่อภาคส่งออก นายฉันทวิชญ์กล่าวว่า มีความมั่นใจในบทบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งมีความเป็นอิสระ และเชื่อว่าจะบริหารจัดการนโยบายการเงินให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในระยะยาวได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 5 กรกฎาคม นายฉันทวิชญ์จะลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย ร่วมคณะกับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อประชุมติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน ณ ด่านศุลกากรหนองคาย และเข้าร่วมพิธีเปิดงานมหกรรมการค้าชายแดน จังหวัดหนองคาย ณ โรงแรมรอยัลนาคาราและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ส่วนแนวทางการทำงานด้านต่างประเทศว่า ได้เตรียมผลักดัน 3 ภารกิจเร่งด่วน ที่ต้องดำเนินการทันที ได้แก่ 1.การเจรจาการค้าในระยะสั้น เช่น การขอลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนไทยได้รับประโยชน์ 2.การวางรากฐานให้ธุรกิจไทยแข่งขันได้ โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ พร้อมร่วมทีมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อนำพาธุรกิจไทยสู่การแข่งขันอย่างยั่งยืน และ3.ดูแลราคาสินค้าเกษตร โดยให้ความสำคัญกับเสถียรภาพด้านราคา และการสร้างความมั่นคงให้แก่เกษตรกร ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด หรือ YUANTA ระบุถึงความเห็นจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ต่อการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ 3 ประเด็น 1.) คาดว่าการเจรจาระหว่างทีมไทยแลนด์กับ USTR อาจยังไม่ได้ข้อสรุปในทันที โดยถ้าไม่ทัน 8 ก.ค. สหรัฐฯ น่าจะขยายเวลาเจรจาออกไปจนกว่าจะได้ข้อสรุปร่วมกัน 2.) ขณะนี้ ทางรัฐบาลกำลังรอสรุปผลการเจรจาเมื่อ 3 ก.ค. จากทีมไทยแลนด์ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าสหรัฐฯจะลดภาษีลงมาจากประกาศเดิมที่ 36% และไม่เสียเปรียบทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน 3.) ที่ผ่านมา การเจรจาเกิดขึ้นต่อเนื่องในหลายระดับและไทยมีการปรับข้อเสนอตามที่สหรัฐฯท้วงติงไปหมดแล้ว จึงไม่อยู่ในกลุ่มประเทศที่จะถูกสหรัฐฯปรับขึ้นภาษีให้สูงกว่าที่ประกาศก่อนหน้านี้ (36%) โดยสรุปแล้วความเห็นเชิงกลยุทธ์ ฝ่ายนักวิเคราะห์มองเป็นกลางต่อประเด็นดังกล่าว คาดว่า SET Index แกว่งออกข้าง รอ นายพิชัย ชุณหวชิร แถลงเมื่อกลับถึงไทยสุดสัปดาห์นี้ ก่อนนำผลเจรจารายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) อังคารหน้า 8 ก.ค.68