ดอกเบี้ยอังกฤษ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.68) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับประวัติศาสตร์กับสหราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นดีลแรกนับตั้งแต่เปิดฉากสงครามการค้าโลก หนุนความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน ขณะหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศปรับตัวแรง จากความต้องการในยุโรปที่เพิ่มขึ้น ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 535.63 จุด +2.16 จุด หรือ +0.40% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 7,694.44 จุด +67.60 จุด หรือ +0.89% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี ปิดที่ 23,352.69 จุด +236.73 จุด หรือ +1.02% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษ กลับปิดลบที่ 8,61 จุด -27.72 จุด หรือ -0.32% ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว อังกฤษตกลงลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จาก 5.1% เหลือ 1.8% พร้อมเปิดตลาดให้สินค้าอเมริกันเข้าถึงได้มากขึ้น ขณะที่สหรัฐฯ ยังคงเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอังกฤษในอัตรา 10% โดยไม่เปลี่ยนแปลง นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์นี้ (10 พ.ค.68) ซึ่งถูกมองว่าเป็นสัญญาณเริ่มต้นของความพยายามคลี่คลายความตึงเครียดทางเศรษฐกิจระหว่างสองชาติมหาอำนาจ หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศพุ่งขึ้นเฉลี่ยกว่า 3% โดยเฉพาะ Rheinmetall ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของเยอรมนี ที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้น 4.1% หลังประกาศคาดการณ์ผลประกอบการปี 2568 จะสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นในเยอรมนี ยูเครน และชาติยุโรปอื่น ๆ หุ้นในกลุ่มเดียวกันก็เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน ได้แก่ Renk +4.1%, Hensoldt +7.6% และ Thyssenkrupp +1% ในทางกลับกัน กลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวลดลง หลังนักลงทุนขายทำกำไรจากกลุ่มปลอดภัย เพื่อนำเงินไปลงทุนในกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว สาธารณูปโภค -2% เฮลท์แคร์ -1.5% อีกปัจจัยหนุนตลาดมาจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือ 4.25% ตามคาด พร้อมส่งสัญญาณดำเนินนโยบายแบบผ่อนปรนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ธนาคารกลางสวีเดนและนอร์เวย์ยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แต่ส่งสัญญาณพร้อมปรับลดในอนาคต สอดคล้องกับแนวทางของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่เพิ่งมีมติคงดอกเบี้ยไว้ก่อนหน้านี้