ดุสิต สวีท เอเธนส์

มร. จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า หลังจากเปิดตัวโรงแรมแห่งแรกในทวีปยุโรปอย่าง ‘ดุสิต สวีท เอเธนส์’ และโรงแรม ‘ดุสิตปริ้นเซส โฮเทล เรสซิเด้นซ์ ไนโรบี’ ที่ประเทศเคนยาไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มดุสิตธานี พร้อมแล้วที่จะเปิดประตูแบรนด์ ‘ดุสิตดีทู’ แห่งแรกในกรุงเทพฯ กับ โรงแรมดุสิตดีทู สามย่าน กรุงเทพ ซึ่งจะเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ โดยหลังจากนั้น ในวันที่ 15 พฤษภาคม กลุ่มดุสิตธานี จะเปิดตัวโรงแรม อาศัย กรุงเทพ สาทร โรงแรมแห่งที่ 2 ภายใต้แบรนด์ ‘อาศัย’ สานต่อความสำเร็จจากโรงแรมอาศัย กรุงเทพ ไชน่าทาวน์ ซึ่งครบรอบ 2 ปีของการเปิดตัวไปเมื่อไปนานมานี้ ตามมาด้วยการเปิดตัวแบรนด์ ‘อาศัย’ แห่งแรกที่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ กับโรงแรม อาศัย เกียวโต ชิโจ ในย่านชิโจ-คาราสุมะ ซึ่งอยู่ใจกลางของเมืองเกียวโต “ในขณะที่เราขยายธุรกิจโรงแรมและการบริการไปสู่ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อนรับอีก 3 โรงแรมใหม่เข้าสู่พอร์ทโฟลิโอของเรา ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน เพราะเป็นโรงแรมแบรนด์ ‘ดุสิตดีทู’ แห่งแรกในกรุงเทพฯ เป็นโรงแรมแห่งที่ 2 ของแบรนด์ ‘อาศัย’ และเป็นการปักธงโรงแรมในเครือครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น การเปิดตัวทั้ง 3 โรงแรมนี้แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จครั้งสำคัญ และเรามั่นใจว่าจุดยืนอันโดดเด่นของเรา จะทำให้นักเดินทางจากทั่วโลกพึงพอใจกับงานบริการอันอบอุ่นแบบไทย และประสบการณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่เหมือนใคร และเรายังคงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นโรงแรมอีกหลายแห่งในเครือพร้อมเปิดให้บริการในหลายประเทศและเมืองที่สำคัญทั่วโลกเร็วๆ นี้” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ DUSIT กล่าว สำหรับ โรงแรมดุสิตดีทู สามย่าน กรุงเทพ ตั้งอยู่บนถนนสี่พระยา ซึ่งเป็นถนนคู่ขนานกับถนนสีลม และถนนสาทรที่เต็มไปด้วยความคึกคักทางธุรกิจ และวิถีชีวิตอันมีสีสัน โรงแรมแห่งนี้ให้บริการห้องพักทั้งหมด 179 ห้อง ตกแต่งในสไตล์ทันสมัยแต่ใกล้ชิดธรรมชาติตามรูปแบบของแบรนด์ดุสิตดีทู พร้อมตอบสนองทุกการเข้าพักอย่างมีประสิทธิภาพด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เริ่มตั้งแต่ล็อบบี้ที่ตกแต่งอย่างมีสไตล์ ฟิตเนสเซ็นเตอร์พร้อมอุปกรณ์ครบครัน พื้นที่อเนกประสงค์สำหรับการจัดประชุมพร้อมอุปกรณ์อันทันสมัย สระว่ายน้ำที่มองเห็นวิวกรุงเทพฯ ได้แบบพาโนรามา และความอร่อยจากอาหารหลายรูปแบบที่มีให้เลือก ตั้งแต่ร้านอาหารสไตล์ แกร็บ-แอนด์-โก, ร้านอาหารที่เปิดให้บริการทั้งวัน จนกระทั่งรูฟท้อปบาร์ที่พร้อมเสิร์ฟเบอร์เกอร์ และเครื่องดื่มน่าสนใจอีกหลายรายการ ขณะที่ โรงแรม อาศัย กรุงเทพ สาทร โรงแรมแห่งที่ 2 ภายใต้แบรนด์ ‘อาศัย’ ยังคงมุ่งมั่นทำตามพันธกิจของแบรนด์ที่จะเชื่อมโยงผู้คนเข้ากับประสบการณ์อันมีเสน่ห์ของพื้นที่ โดยเฉพาะ ‘สาทร’ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในย่านที่คึกคักใจกลางเมืองหลวง รายล้อมด้วยคาเฟ่ บาร์ และร้านอาหารสุดเก๋มากมาย โรงแรมตั้งอยู่ในซอยสาทร 12 เดินทางได้สะดวกเพราะห่างจากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีเซนต์หลุยส์เพียงเดิน 5 นาที มีห้องพักจำนวน 106 ห้องมาพร้อมเตียงนุ่มสบาย ห้องน้ำพร้อมเรนชาวเวอร์ และออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่พร้อมเป็นทุกอย่างได้ตามความต้องการ ทั้งที่นั่งทำงาน บาร์ รวมถึงสถานที่สัมผัสประสบการณ์อาหารแสนอร่อยที่สร้างสรรค์เมนูโดยเชฟโบ - ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดีแลน โจนส์ 2 ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทยแบบต้นตำรับ เน้นเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลเพื่อสร้างวิถีการบริโภคอย่างยั่งยืน ส่วน โรงแรม อาศัย เกียวโต ชิโจ มีความโดดเด่นตั้งแต่ทำเลที่ตั้งในย่านชิโจ-คาราสุมะ ซึ่งอยู่ใจกลางของเมืองเกียวโต และพร้อมให้ผู้เข้าพักได้ออกสำรวจตลาดนิชิกิอันโด่งดัง ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก โรงแรมประกอบด้วยห้องพักจำนวน 114 ห้องที่ได้รับการออกแบบเพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุด มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่สำหรับนั่งทำงาน พักผ่อน หรือนั่งเล่น และยังมีห้องอาหารในบรรยากาศสบายๆ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารสไตล์สตรีทฟู้ดของกรุงเทพฯ โดยโรงแรมมีโครงการที่ทำร่วมกับชุมชนเพื่อสนับสนุนและสร้างประสบการณ์แบบท้องถิ่น เช่น ร่วมงานกับเจ้าของร้านอาหาร ช่างฝีมือ และยังจัดหาวัตถุดิบท้องถิ่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อประกอบอาหาร เน้นทำให้โรงแรมแห่งนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นและแตกต่างจากที่พักอื่นในย่านเดียวกัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ DUSIT กล่าวด้วยว่า ในปีนี้ กลุ่มดุสิตธานี มีแผนที่จะเปิดโรงแรมในทั่วโลกอีก 9 แห่ง ทั้งการเปิดตัวโรงแรมแห่งแรกในเครือที่ประเทศเนปาล การเปิดตัวโรงแรม 2 แห่งในประเทศญี่ปุ่น และการกลับมาบุกตลาดอย่างมีกลยุทธ์ในประเทศอินเดีย โดยกลุ่มดุสิตธานี ตั้งเป้าที่จะเพิ่มห้องพักอีก 1,700 ห้อง ซึ่งจะทำให้มีโรงแรมในพอร์ทโฟลิโอทั้งหมด 62 แห่ง (รวม 13,700 ห้อง) ดำเนินงานใน 18 ประเทศทั่วโลก ภายในสิ้นปีนี้