นายวาริช มีเหมือน

นายวาริช มีเหมือน ผู้จัดการฝ่ายการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 20.42 ล้านบาท ลดลง 75.56% เมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 83.55 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 1,532.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.45% เมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,413.22 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ และรายได้จากธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการเพิ่มขึ้น ทั้งนี้แนวโน้มตลาดอสังหาฯในไตรมาสแรกยังได้รับแรงหนุนจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน-จดจำนอง และทิศทางดอกเบี้ยขาลง แม้ต้องเผชิญปัจจัยลบจากจีดีพีที่เติบโตต่ำ หนี้ครัวเรือนสูง และการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวด โดยตลาดคอนโดมิเนียมมีสัญญาณฟื้นตัวจากยอดเปิดใหม่และมูลค่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่แนวราบยังชะลอตัวในหลายเซกเมนต์ ยกเว้นบ้านแฝดที่ได้รับความนิยมต่อเนื่อง ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/68 ค่อนข้างทรงตัวจากไตรมาส 1/2568 เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ยังเป็นสินค้าเดิมและยังไม่มีโครงการใหม่ปิดการขายลง โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/68 บริษัทมี Backlog จำนวน 1,529 ล้านบาท โดยประมาณ 40% จะรับรู้รายได้ภายในปีนี้ ส่วนอีก 60% จะทยอยรับรู้ในปีถัดไป นอกจากนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 4 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัย และสร้างการเติบโตในระยะยาว ประกอบด้วย โครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/68 และไตรมาส 4/68 และโครงการแนวราบ 2 โครงการ คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 ปี 2568 สำหรับกลยุทธิ์หลักในปี 2568 คือการ เน้นระบาย inventory ที่มีอยู่ โดยปีนี้บริษัทคงเป้ายอดขายปีนี้ที่ 8,500 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 8,300 ล้านบาท ด้านงบลงทุนปีนี้จะเน้นไปที่การลงทุนในงานก่อสร้างโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่ตามแผนโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ส่วนงบลงทุนในที่ดินปีนี้ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท คาดใช้ในไตรมาส 4 นี้ และคาดปี 69 น่าจะใกล้เคียงกัน เนื่องจาก LPN ไม่ได้ลงทุนซื้อที่ดินมา 2 ปีแล้ว เพื่อเป็นเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต “ธีมหลักของบริษัทในปีนี้จะเน้นการระบาย Inventory เดิมที่มีอยู่ ควบคู่ไปกับการเริ่มสะสมที่ดินใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อเตรียมพัฒนาโครงการใหม่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า นอกเหนือจาก 4 โครงการที่จะเปิดในปีนี้ซึ่งอยู่บน land bankเดิม” นายวาริช กล่าวทิ้งท้าย Company Snapshot