ยิ่งลักษณ์ชินวัตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 มิ.ย. 2568) สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาและอดีตนายกรัฐมนตรี ได้นัดหมายจะเปิดเผยเบื้องหลังแผนการเปลี่ยนแปลงผู้นำไทยที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย รวมถึงจะส่งสารพิเศษถึงประชาชนชาวไทย สื่อกัมพูชา เช่น BTVCambodia และ BayonRadioFM95 รายงานว่า สมเด็จฮุน เซน กล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าสมาชิกสภาท้องถิ่นจำนวน 464 คน ที่จังหวัดพระวิหาร ตอนหนึ่งได้ระบุกล่าวถึงศักยภาพด้านอาวุธของกัมพูชาว่า มีขีดความสามารถเพียงพอในการป้องกันประเทศ และสามารถส่งผลต่อเสถียรภาพของภูมิภาคได้ ขณะที่ Khmer Times รายงานว่า สมเด็จฯ กล่าวยืนยันว่า กัมพูชามีอาวุธที่สามารถยิงถึงกรุงเทพฯ ได้ แต่มีไว้เพื่อการป้องกัน ไม่ใช่เพื่อการโจมตี ด้าน Cambodianess รายงานเพิ่มเติมว่า สมเด็จฮุน เซน ย้ำว่า “กัมพูชาไม่มีความตั้งใจที่จะโจมตีกรุงเทพฯ แม้ขีดความสามารถด้านอาวุธอาจไปถึงก็ตาม” นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซน ยังเปิดเผยเป็นครั้งแรกว่า ตนมีบทบาทโดยตรงในการช่วยเหลือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ในการเดินทางออกจากประเทศไทย โดยได้ออกหนังสือเดินทางกัมพูชาให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ใช้เป็นเอกสารสำหรับเดินทางผ่านกัมพูชาไปยังประเทศสิงคโปร์อย่างปลอดภัย ภายหลังจากถึงจุดหมาย นางสาวยิ่งลักษณ์ได้โทรศัพท์กลับมาแสดงความขอบคุณ พร้อมกล่าวทั้งน้ำตา และขอโทษต่อการให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในอดีต กรณีที่ผู้นำมาเลเซียเคยสอบถามถึงเส้นทางการหลบหนีดังกล่าว ต่อเนื่องจากประเด็นดังกล่าว สมเด็จฮุน เซน ยังได้เล่าย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็นวันที่เขาเดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร โดยระบุว่า ในขณะนั้น นายทักษิณไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยใด ๆ แต่เมื่อถึงเวลาถ่ายภาพร่วมกัน กลับนำชุดผู้ป่วยมาสวมใส่ หลอกสายตาสาธารณชนและเจ้าหน้าที่ทางการของไทย ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เฟซบุ๊ก “Samdech Hun Sen of Cambodia” ได้เผยแพร่ข้อความเป็นภาษาเขมร โดยตอนหนึ่งเมื่อแปลเป็นภาษาไทย ระบุว่า สมเด็จฮุน เซน ยืนยันว่า กัมพูชาไม่เคยมองประเทศไทยหรือประชาชนชาวไทยเป็นศัตรู เว้นแต่ฝ่ายตรงข้ามจะมองตนในลักษณะนั้น ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ตนก็ “ไม่มีทางเลือกอื่น” พร้อมเน้นว่า การยอมรับความจริงไม่ใช่การประนีประนอม นอกจากนี้ สมเด็จฮุน เซน ยังกล่าวถึงนายกรัฐมนตรีไทยว่า เคยใช้ถ้อยคำดูหมิ่นกองกำลังของตนเองต่อหน้า เพื่อเอาใจตน แต่พฤติกรรมเช่นนี้ หากเกิดขึ้นในกัมพูชา จะถือเป็น “การทรยศต่อชาติ” พร้อมย้ำว่า กัมพูชาไม่สามารถร่วมงานกับนายกรัฐมนตรีไทยคนปัจจุบันได้ และจะรอจนกว่าจะมีผู้นำคนใหม่จึงจะสามารถฟื้นความร่วมมือระหว่างประเทศได้อีกครั้ง ขณะเดียวกัน สมเด็จฮุน เซน ยังเรียกร้องให้แรงงานกัมพูชาที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย พิจารณากลับประเทศ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าการดูหมิ่นหรือตกอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้