GDP ไตรมาส 1/68

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับขึ้นตามตลาดภูมิภาค หลังสถานการณ์สงครามการค้าที่สหรัฐและจีนบรรลุข้อตกลงทางการค้าเบื้องต้น สร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวก ทำให้คาดหวังภาษีการค้าตอบโต้ในประเทศอื่น ๆ มีโอกาสลดลงได้มากกว่าจีน ตลาดบ้านเราได้รับเม็ดเงินไหลเข้ากลุ่ม Laggard ได้แก่ แบงก์ และกลุ่มที่อิงเศรษฐกิจนอกประเทศ อาทิ พลังงาน ปิโตรเคมี และบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มที่ก่อนหน้านี้มองว่าจะได้รับผลกระทบหนักอาจมีการปรับประมาณการขึ้นหากสงครามการค้าไม่ได้รุนแรงอย่างคาด อาทิ กลุ่มแบงก์ที่ถูกปรับลดประมาณการกำไรลง 15% และ GDP ของไทยปีนี้จากเดิมคาดโตแค่ 1.3-2% อาจจะเติบโตใกล้ระดับ 2% โอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องทันทีน้อยลง ส่งผลให้งบกลุ่มธนาคารดีขึ้น อย่างไรก็ตามเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรหุ้นที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นแรงแล้วเมื่อวันนี้ดีดขึ้นมาทำให้ช่วงท้ายตลาดเริ่มเห็นการปรับตัวบวกน้อยลง อาทิ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดยังมีแรงเก็งกำไรเชิงบวก อย่างไรก็ตามระยะสั้นมีแรงขายทำกำไรสลับได้บ้าง แนะติดตามบริษัทจดทะเบียนแจ้งผลประกอบการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลง GDP ไตรมาส 1/68 ต้นสัปดาห์หน้าคาดว่าจะมีการทบทวนคาดการณ์ GDP ปีนี้ด้วย รวมทั้งติดตามการเมืองในประเทศ และการอภิปรายงบประมาณปี 69 ช่วงปลายเดือนนี้ โดยให้กรอบแนวรับ 1,200 จุดและแนวต้าน 1,250 จุด ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 3,757.55 ล้านบาท ปิดที่ 303.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,570.19 ล้านบาท ปิดที่ 31.00 บาท ลดลง 0.25 บาท DELTA มูลค่าการซื้อขาย 2,188.63 ล้านบาท ปิดที่ 107.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,890.26 ล้านบาท ปิดที่ 164.00 บาท ลดลง 0.50 บาท TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,871.42 ล้านบาท ปิดที่ 12.10 บาท ลดลง 0.60 บาท