MagnificentSeven

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นแรง โดยล่าสุด ณ เวลา 22.18 น.ตามเวลาไทย อยู่ที่ระดับ 38,999.00 จุด เพิ่มขึ้น 828.59 จุด หรือคิดเป็น 2.17% โดยได้แรงหนุนจากแรงซื้อเก็งกำไรหลังตลาดปรับตัวลดลงเกือบ 1,000 จุดเมื่อวันก่อนหน้า ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความไม่คืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน แม้ตลาดจะรีบาวด์ แต่ปัจจัยเสี่ยงยังคงกดดันภาพรวมการลงทุน โดยเฉพาะความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ ล่าสุด จีนออกแถลงการณ์เตือนประเทศต่าง ๆ ให้ระมัดระวังในการทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐ หากมีผลกระทบต่อผลประโยชน์ของจีน พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเฉียบขาดหากพบการกระทำที่ส่งผลเสียต่อจีน ในขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ท่ามกลางแรงกดดันจากฝ่ายบริหารสหรัฐ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้นายเจอโรม พาวเวล ปรับลดอัตราดอกเบี้ย พร้อมทั้งกล่าวหาว่าท่าทีของเฟดกำลังฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่มีรายงานว่าทีมเศรษฐกิจของทำเนียบขาวอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการปลดนายพาวเวลออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้แสดงความหวังว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่ดำเนินการดังกล่าว โดยมองว่าการปลดประธานเฟดจะสร้างความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดการเงินในระยะสั้น ด้านปัจจัยพื้นฐาน นักลงทุนให้ความสนใจกับฤดูกาลประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐ โดยในสัปดาห์นี้จะมีบริษัทกว่า 100 แห่งในดัชนี S&P 500 เปิดเผยผลประกอบการ รวมถึงบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในกลุ่ม Magnificent Seven โดยเฉพาะเทสลาที่จะรายงานผลหลังปิดตลาดในคืนนี้