Research

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน ส.ค.68 อยู่ที่ 100.14 ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน -0.79% (YoY) ขณะที่ตลาดคาด -0.7 ถึง -0.8% โดยอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 โดยมีปัจจัยสำคัญจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผักสด ผลไม้สด และไข่ไก่ เนื่องจากอุปทานในตลาดเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานลดลงจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานการณ์ราคาในตลาดโลก และค่ากระแสไฟฟ้าจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองของภาครัฐ ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)(KSS) ระบุในบทวิเคราะห์ ภายหลังสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนสิงหาคม 2568 พบว่าเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ระดับ -0.79% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งตัวจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ -0.7% และต่ำกว่าตลาดคาด -0.75% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ขยายตัว 0.81% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจาก prev. +0.84% KSS ระบุว่า การที่เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (อัตราดอกเบี้ยนโยบาย-เงินเฟ้อ) อยู่ในแดนบวกต่อเนื่องเป็นเวลา 28 เดือนติดต่อกัน ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้โอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมีความเป็นไปได้มากขึ้น โดยคาดว่าตลาดให้น้ำหนักต่อการลดดอกเบี้ยในการประชุมที่เหลือของปีนี้อีก 2 ครั้ง คือ 8 ต.ค.2568 และ 17 ธ.ค. 2568 ทั้งนี้ประเมินว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้ง ครั้งละ 0.25% สำหรับผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทย KSS ประเมินว่า การลดดอกเบี้ยทุกๆ 0.25% จะส่งผลบวกต่อ SET Index ราว 50-55 จุด ขณะที่หุ้นกลุ่มที่ได้อานิสงส์จิตวิทยาบวก ได้แก่ โรงไฟฟ้า (GULF) ,เช่าซื้อ (MTC, KTC) กลุ่ม High Yield หนี้สูง ค้าปลีก (CPALL, CPAXT), สื่อสาร (ADVANC), อสังหาฯ (AP) รวมถึงกลุ่มกองทุน REIT และ Infrastructure Fund (FTREIT, WHART, WHAIR, 3BBIF) ซึ่งมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามภาวะดอกเบี้ยขาลง