
KSS มองบวก SCC ลุ้นเดินเครื่อง LSP เวียดนาม – สเปรดเอื้อ ดันกำไรปีนี้ฟื้นตัว
บล.กรุงศรี มองบวกแนวโน้ม SCC หลังผู้บริหาร ส่งสัญญาณเดินเครื่องโรงงาน LSP เวียดนามครึ่งหลังปีนี้ ขณะที่ระดับ HDPE spread แม้ย่อตัว 360-370 ดอลลาร์ต่อตัน อยู่ในระดับเอื้อต่อการผลิต มองเป็นปัจจัยหนุนกำไรฟื้นปี 68
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุถึง บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC ว่ามีมุมมองเชิงบวก (Posiltive Sentiment) ต่อการที่ CEO ของบริษัทฯ ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ถึงแนวโน้มการพิจารณากลับมาเปิดผลิตของโรง LSP ในเวียดนาม แม้จะเป็นแนวโน้มที่ผู้บริหารพูดในการประชุมนักวิเคราะห์แล้ว ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ
1.) ฝ่ายนักวิเคราะห์มองการให้สัมภาษณ์ในสภาวะที่ปัจจุบัน HDPE spread ย่อมาอยู่ระดับ 360-370 ดอลลาร์ต่อตัน แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่สะท้อนว่าสภาวะตลาดยังเอื้อต่อการพิจารณากลับมาผลิต
2.) ต้นทุนในการเริ่มเดินเครื่องผลิต (Ramp-up) ราว 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหากผู้บริหารตัดสินใจให้โรง LSP ดำเนินการผลิตอีกครั้ง ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าจะมีน้ำหนักเป็นการกลับมาผลิตต่อเนื่องมากกว่า
3.) อาจมีแรงสนับสนุนจากการปรับประมาณการของตลาดบางส่วนที่ยังไม่รวมการกลับมาเปิดผลิตของ LSP ได้
ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ได้รวมการเปิดเดินเครื่องโรงงาน LSP ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ไว้ในประมาณการแล้ว โดยคาดหลังกลับมาเปิดผลิตจะทำให้การแบกรับค่าใช้จ่ายคงที่ไตรมาสละราว 3,000 ล้านบาท ทยอยลดลง
ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ “ถือ” (Neutral) สำหรับหุ้น SCC โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 175.00 บาทต่อหุ้น พร้อมคงมุมมองว่าจุดที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนควรอยู่ที่ระดับที่ส่วนต่างราคา HDPE (HDPE spread) ยืนเหนือ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตันได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ทุกๆ การฟื้นตัวของ spread ของผลิตภัณฑ์ PE หรือ PP ที่เร็วกว่าคาดการณ์เดิม 10 ดอลลาร์ต่อตัน จะส่งผลเป็น upside ต่อกำไรปี 2568 (2025F) ของฝ่ายนักวิเคราะห์ราว 436 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 3%
สำหรับประมาณการ spread ของเราในปี 2568–2569 อยู่ที่ HDPE: 400 และ 455 ดอลลาร์/ตัน ตามลำดับ (เทียบกับค่าเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่ 341 ดอลลาร์/ตัน) PP: 390 และ 450 ดอลลาร์/ตัน ตามลำดับ (เทียบกับค่า YTD ที่ 379 ดอลลาร์/ตัน)