S&P Global Corporate Sustainability Assessment

บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า บริษัทได้รับรางวัล และประกาศเกียรติคุณ Top 1% จาก S&P Global Corporate Sustainability Assessment ซึ่งเป็นการประเมินความยั่งยืนขององค์กรระดับโลก ในงาน S&P Sustainability Yearbook 2025 Distinction Ceremony โดยมี นางสาวสิณัฏฐา เกี่ยวข้อง ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ และผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเพื่อความยั่งยืน และ ดร.นลินรัตน์ มาสมบูรณ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาเพื่อความยั่งยืน เป็นตัวแทนบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) เข้ารับรางวัลที่โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น ด้านความยั่งยืนของบีทีเอส กรุ๊ปฯ โดยได้รับการประกาศให้เป็นบริษัทด้านธุรกิจคมนาคมที่มีความยั่งยืนเป็นอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันเป็นปีที่ 5 และถือเป็นบริษัทในกลุ่มผู้นำ 1% แรกของกลุ่มอุตสาหกรรมคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในรายงาน S&P Global Sustainability Yearbook ประจำปี 2568 สำหรับรายงาน Sustainability Yearbook ประจำปี 2568 จัดทำโดย S&P Global เป็นการประเมินผลการดำเนินงานตามกรอบการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยมีการประเมินกว่า 7,600 บริษัท จาก 62 อุตสาหกรรมทั่วโลก สำหรับเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อประกาศรายชื่อบริษัทในรายงาน Sustainability Yearbook บริษัทต่าง ๆ จะต้องได้รับคะแนนประเมิน S&P Corporate Sustainability Assessment (CSA) อยู่ในกลุ่ม 15% แรกของอุตสาหกรรมเดียวกัน และอยู่ในกลุ่ม 30% แรกของผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งในปีนี้มีเพียง 66 องค์กรทั่วโลกที่ติดอันดับ Top 1% โดยในปีนี้จากบริษัททั้งหมด 780 แห่ง ที่ได้รับการประกาศรายชื่อด้านความยั่งยืนในรายงาน Sustainability Yearbook มีบริษัทจากประเทศไทยเพียง 46 บริษัท ซึ่งบีทีเอส กรุ๊ปฯ ได้รับคะแนนการประเมินด้าน ESG เป็นอันดับ 1 จากจำนวน 28 บริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับโลกของบีทีเอส กรุ๊ปฯ และสะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินงาน ภายใต้กรอบการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ที่รักษาความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ 3M : MOVE, MIX และ MATCH และความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับประเทศต่อไป