TEDA

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 บริษัทมียอดรายได้รวม 2,541 ล้านบาท เติบโตทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core Profit) พุ่งขึ้น 76% อยู่ที่ 161 ล้านบาท สะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารและการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ ทั้งนี้ แม้กำไรสุทธิ (Net Profit) จะอยู่ที่ 87 ล้านบาท เนื่องจากการตั้งสำรองทางบัญชี 130 ล้านบาท ของบริษัทลูก แต่หากพิจารณาจากผลการดำเนินงานหลัก พบว่าธุรกิจโดยรวมยังคงแข็งแกร่ง โดยงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมียอดรายได้รวม 7,774 ล้านบาท เติบโต 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 302 ล้านบาท ปรับตัวขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรติดลบ 37 ล้านบาท สายธุรกิจ Digital ICT Solution มีรายได้ไตรมาส 3/2568 จำนวน 1,235 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ 1,005 ล้านบาท และสูงกว่าปีก่อนที่ 859 ล้านบาท ขณะที่ Core Profit อยู่ที่ 63 ล้านบาท การตั้งสำรองคดีความ 130 ล้านบาท ส่งผลให้ผลประกอบการรวมขาดทุนในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม ภาพรวม SAMTEL ยังคงมีผลงานเด่น โดย 9 เดือนแรกของปี บริษัทเซ็นสัญญาแล้ว 85 โครงการ รวมมูลค่างานในมือเกือบ 8,000 ล้านบาท นายวัฒน์ชัย ระบุว่า การตั้งสำรองคดีความเป็นไปตามมาตรฐานบัญชีและหลักความระมัดระวัง ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและกระแสเงินสดของบริษัท พร้อมมั่นใจว่าจะสามารถเรียกกลับรายการสำรองดังกล่าวได้ในการพิจารณาคดีครั้งต่อไป สำหรับสายธุรกิจอื่น ๆ ยังคงสร้างผลการดำเนินงานในเชิงบวกต่อเนื่อง เช่นสายธุรกิจ Utilities and Transportations นำโดย บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV ดำเนินธุรกิจด้านการจัดการจราจรทางอากาศที่ประเทศกัมพูชา มีกำไรสุทธิ 128 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า และคาดว่าไตรมาส 4 จะเติบโตต่อเนื่องจากฤดูกาลท่องเที่ยว ธุรกิจก่อสร้างโครงการสายส่งไฟฟ้าแรงสูง (TEDA) รายได้ไตรมาส 3 จำนวน 244 ล้านบาท รวม 3 ไตรมาส 1,264 ล้านบาท ล่าสุดเซ็นสัญญาโครงการใหญ่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,400 ล้านบาท ส่งผลให้มีงานในมือเกือบ 4,000 ล้านบาท สายธุรกิจ Digital Communications (SDC) งวด 9 เดือน มีรายได้รวม 424 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 900% “ผลประกอบการไตรมาส 3 เป็นสัญญาณบวกของการฟื้นตัวต่อเนื่องของทุกหน่วยธุรกิจ แม้มีรายการพิเศษด้านบัญชี แต่กำไรหลักของกลุ่มเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่แล้ว และคาดว่าไตรมาส 4 จะเห็นการเติบโตชัดเจนขึ้นจากฤดูกาลท่องเที่ยว โครงการใหม่ที่ทยอยรับรู้รายได้ และการเข้าประมูลงานของบริษัทในเครืออีกมาก” นายวัฒน์ชัยกล่าวทิ้งท้าย