ดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 80 จุด ตลาดวิตกเฟดขึ้นดบ.หลังตัวเลขจ้างงานแข็งแกร่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 มิ.ย.) ซึ่งเป็นการปิดในแดนลบติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐได้กระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (8 มิ.ย.) ที่ 17,766.55 จุด ลดลง 82.91 จุด หรือ -0.46%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,021.63 จุด ลดลง 46.83 จุด หรือ -0.92% และดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,079.28 จุด ลดลง 13.55 จุด หรือ -0.65%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้ หรืออย่างเร็วที่สุดคือเดือนก.ย. หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 280,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. จากระดับ 221,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.

คริส โลว์ นักเศรษฐศาสตร์จากเอ็ฟทีเอ็น ไฟแนนเชียลกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้กรรมการกำหนดนโยบายการเงินบางคนของเฟดพยายามผลักดันให้เฟดเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. แต่เราคาดว่าเฟดอาจจะเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปเป็นเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเป็นไปได้ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจจะเกิดขึ้นในเดือนก.ค.”

นักลงทุนจับตาดูการเจรจาระหว่างรัฐบาลกรีซและกลุ่มเจ้าหนี้อย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดนายกาเบรียล ซาเคลลาริดิส โฆษกรัฐบาลกรีซ เปิดช่องประนีประนอมกับฝ่ายเจ้าหนี้เพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลงกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และสหภาพยุโรป (EU) นอกจากนี้ นายซาเคลลาริดิสยังปฏิเสธข่าวที่ว่ารัฐบาลอาจประกาศจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในแผนของรัฐบาล

หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง หลังจากนักวิเคราะห์ของเรย์มอนด์ เจมส์ อินเตอร์เนชันแนล ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นหลายตัวในกลุ่มสายการบิน โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส ร่วงลง 4.5% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ปรับลง 7.2% ขณะที่หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 4.3%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นเฟซบุ๊กดิ่งลง 1.8% หุ้นแอปเปิลขยับลง 0.7% และหุ้นไอบีเอ็มร่วงลง 1.2% นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานยังปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเชฟรอนร่วงลง 1.2% ส่วนหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี และหุ้นอาปาเช คอร์ป ต่างก็ร่วงลงกว่า 1.9%

ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงสต็อกสินค้าและยอดค้าส่งเดือนเม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

Back to top button