หุ้นรุ่ง..หุ้นร่วง

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยทำท่าเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่เอาเข้าจริงดันกลายเป็นเรื่องยากไปเสียฉิบ


สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยทำท่าเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่เอาเข้าจริงดันกลายเป็นเรื่องยากไปเสียฉิบ เพราะแรงซื้อดันหายไปเฉย ๆ ทั้งที่ปัญหาหลายอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น รวมทั้งผู้รู้จากสำนักต่าง ๆ ก็ฟันธงไปในทางเดียวกันว่า บริเวณแนวรับ 1,350 จุด เป็นจุดที่มีความเสี่ยงในการลงทุนค่อนข้างต่ำ จึงเป็นโอกาสทองของนักลงทุนที่ถนัดเล่น “ทั้งสั้น ทั้งยาว” พะย่ะค่ะ

น่าเสียดายที่เหตุการณ์จริงไม่ได้เป็นเหมือนที่คิดทั้งหมด เพราะดัชนีทำได้สุดแค่ขยับก้นขึ้นไปป้วนเปี้ยนแถว 1,360 จุดเท่านั้น ต่อจากนั้นก็ถูกรินขายออกมาเป็นระยะ จนดัชนีโงหัวไม่ขึ้น ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,359.94 จุด ลบไป 4.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.02 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นประเด็นที่ย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า ตลาดหุ้นไทยต้องพักเอาแรงเพื่อรอจังหวะเหมาะ ๆ ก่อนทะยานขึ้นไปอีกครั้งนะจ๊ะ

ประกอบกับช่วงนี้รัฐบาลมัวแต่ยุ่งกับเรื่องต่างตอบแทน และจัดสรรผลประโยชน์ของคนที่รับใช้ “โทนี่” แบบสุดลิ่มทิ่มประตู เลยไม่มีเวลามาดูแลตลาดหุ้นแบบเต็มตัว ผนวกกับมีเรื่องเงินดิจิทัลที่ยังคาราคาซัง และยังต้องโปรยยาหอมเรื่องเศรษฐกิจให้คนเชื่อว่าจะดีขึ้น (แก๊สแพง น้ำมันแพง ค่าไฟแพง มันจะดีอย่างไร) “โมนิก้า” เลยมองว่า ขุนคลังใหม่จะหลุดกับดักเศรษฐกิจตรงนี้ได้เหรอคะ

ขนาดหุ้น BJC ซึ่งหลายคนมองว่า ฟื้นตัวแน่ ๆ และเริ่มมีการไล่ราคาแบบเบา ๆ แต่สุดท้ายโดนสาดโครมเดียวลงมาปิดที่ระดับ 24.80 บาท ลบไป 0.95 บาท หรือลงไป 3.69% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 825 ล้านบาท พร้อมกับมีความคิดเห็นตามหลังมาว่า งบไตรมาส 1 จะแย่สุด ๆ แบบนี้..มันน่าจะเป็นดัชนีชี้วัดการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล “เสี่ยนิด” น่าจะไร้น้ำยา ถึงทำให้บริษัทห้างร้านกำไรวูบกันเป็นแถวเจ้าค่ะ

สอดคล้องกับท่าทีของหุ้น CPN ก็ถูกขายลงมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายหุ้นยืนปิดที่ระดับ 62 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 514 ล้านบาท ก็มาจากความกังวลที่คล้าย ๆ กับรายข้างต้น “โมนิก้า” จึงอยากให้นักเล่นประเมินการลงมายืนใกล้กับฐานเก่าบริเวณ 61 บาท มันเป็นจังหวะของการทยอยเก็บหุ้นเข้าพอร์ตหรือเปล่า? เพราะเมื่อปลายปีก่อนก็เด้งขึ้นแรงตรงบริเวณนี้ แต่ปีนี้จะเป็นแบบนั้นไหม? เดี๊ยนขอตอบว่า ไม่แน่ใจ!

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น GULF ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะการทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 40 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3.03% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.12 พันล้านบาท ทั้งที่เคยเป็นหุ้นยอดนิยมของตลาดหุ้นไทยแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก ๆ สำหรับสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่พยายามตั้งฐาน จึงกลายเป็นหุ้นที่ทำได้แค่เฝ้าดูห่าง ๆ เพราะสถานการณ์ไม่ค่อยสู้ดีจริง ๆ นะตัวเอง

ส่วนรายที่ดูดีขึ้นมาหน่อย และพอเล่นสั้นได้บ้าง “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น TIDLOR หลังพยายามตีตื้นเมื่อหายตกใจเรื่องสงคราม แต่เผอิญ 2 ครั้งก่อนที่ผ่าน 22 บาทขึ้นไปได้ ดันโดนขายออกมาเป็นประจำ เดี๊ยนถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 20.90 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.48% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 228 ล้านบาท ยังเป็นจังหวะที่น่ารักน่าลุ้นสำหรับคนที่ชอบผจญภัยก็เท่านั้นเองค่ะ

เรื่องข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้นอาหารแมว ITC เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 22.10 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 3.76% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 315 ล้านบาท มันมีมุมให้คิดมากพอสมควรว่า เที่ยวนี้จะแตกต่างจากเที่ยวก่อน ๆ ขนาดไหน? เนื่องจาก 3 ครั้งที่ผ่านมา หุ้นไม่สามารถวิ่งฝ่าแนวต้าน 22 บาทขึ้นไปได้ แต่เที่ยวนี้ได้แรงหนุนจากยอดส่งออกอาหารสัตว์โตแรง จึงน่าจะเป็นแรงหนุนให้หุ้นเปลี่ยนฐานใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิมนะจะบอกให้

เม้าท์ถึงเรื่องหุ้นที่ผงกหัวขึ้นมาได้ทั้งที “โมนิก้า” ก็อยากมองไปที่หุ้น YGG หลังรักษาจุดเด้งที่บริเวณ 6.80 บาทได้อย่างแข็งแกร่ง เดี๊ยนเลยมองว่า การที่มีแรงซื้อไหลเข้ามาเรื่อย ๆ จนหุ้นยืนปิดที่ระดับ 7.30 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 4.29% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 53 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่น่าเล่นตามน้ำสั้นๆ เพราะทุกคนเคยเห็นกรอบบนที่หุ้นเล่นเป็นประจำอยู่ที่ระดับ 8 บาทน่ะซี

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button