จับตา 5 ประเด็นเด็ดประจำสัปดาห์

บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อ SET เป็นกลางถึงบวก …


บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อ SET เป็นกลางถึงบวก คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวจะเป็นตัวหนุนต่อเศรษฐกิจโลก และเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนภาคการส่งออกของไทย ส่วนการบริโภคในประเทศยังซบเซา ขณะที่ตลาดไม่มีปัจจัยลบใหม่ที่รุนแรง หุ้นสหรัฐที่กลับมาฟื้นตัวน่าจะหนุนให้ SET Index ปรับตัวขึ้นได้ หุ้นกลุ่มพลังงานน่าจะเป็นตัวหนุนตลาด จากการเก็งผลการประชุม OPEC ในวันที่ 25 พ.ค.

อย่างไรก็ดีคาดจะปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด เพราะนักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นในการเข้าซื้อเนื่องความกังวลเรื่อง Fund Flow และ Valuation สำหรับ SET Index ที่ระดับ 13.7x FY17F PE นั้นมี upside ที่จำกัด กลยุทธ์วันนี้ เน้น Seclective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ หุ้นที่เข้าคำนวณในดัชนี MSCI Small Cap รอบใหม่ (BCPG BIG และ THANI), และหุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวนใน SET50/100 รอบใหม่ที่น่าสนใจ SET50 (EA BPP MTLS TISCO) และ SET 100 ( WORK GFPT)

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น : EA (ซื้อ/เป้า 33) โครงการพลังงานลม 126MW จะทยอย COD กลางปีนี้ และคาดว่าโรงงานแบตเตอรี่ (Energy Storage) จะเป็นตัวหนุนกำไรในอนาคต กำไรปีนี้เติบโต 47% ปี60 และ 27% ปี61 ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดีปีนี้: ธนาคาร, พลังงาน, อาหารและเครื่องดื่ม และอสังหาริมทรัพย์

 

ประเด็นสำคัญวันนี้

(-) Fund Flow ต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นภูมิภาคต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 : นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นภูมิภาค US$10.1 ล้าน เป็นวันทึ่สองในรอบ 4 วันทำการโดยขายมากที่สุดในตลาดหุ้นไต้หวัน US$56.2 ล้าน ตามด้วยตลาดหุ้นไทย US$23.7 ล้าน ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ US$11 ล้าน และ อินโด US$7.6 ล้าน อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ US$88.7 ล้าน

(+) ส่งออกไทยเดือนเมษายนคาดโต 8.5% yoy หนุนภาพรวมการส่งออก 4 เดือนแรกโต 5.72% yoy: โดยได้แรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยกลุ่มที่มีการขยายตัวดีได้แก่ สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (HANA), กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (TU, GFPT, BR, CBG), กลุ่มยานยนต์ (SAT), และกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ที่ฟื้นตัวตามราคาน้ำมันดิบ

(+)กลุ่มพลังงานรับผลบวก ราคาน้ำมันดิบ WTI กลับมาปิดเหนือระดับ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์: เมื่อวันศุกร์ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยเพิ่มขึ้น 98 เซนต์ (+2%) ปิดที่ 50.35$/bbl จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ และนักลงทุนยังคาดหวังเชิงบวกต่อการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC + Non)ในวันที่ 25 พ.ค. โดยคาดว่าที่ประชุมจะมีมติให้ขยายเวลาในการลดกำลังการผลิตจำนวน 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ออกไปอีก 9 เดือนจนถึงสิ้นไตรมาสแรกของปีหน้า ก่อนที่โครงการเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.นี้

(-) ราคาสินค้าที่น่าจับตามอง : ราคาทองแดง LME ยังยืนอยู่ในระดับ US$5,600 ต่อตัน ซึ่งยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยปีที่แล้วในช่วงเดียวกันประมาณ 18% ซึ่งเรายังมองว่าจะกดดันกำไรขั้นต้นของ KCE และการที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอาจส่งผลให้ราคาโภคภัณฑ์อื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้นตาม

(+/-) สัปดาห์นี้มี 3 ประเด็นที่ต้องติดตามคือ ประชุม กนง., ประชุม โอเปก และ Fed minute :โดย กนง.มีกำหนดการประชุมในวันที่ 24 มิ.ย. เราและตลาดส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 1.5% ไปจนถึงสิ้นปี เป็นบวกกลับกล่มธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อ (MTLS, SAWAD,THANI) ส่วนการประชุม OPEC ในวันที่ 25 พ.ค. น่าจะขยายช่วงเวลาลดกำลังการผลิตไปจนถึงสิ้นไตรมาส 1 ปีหน้าตามที่ตลาดคาดไว้ เป็นบวกกับ PTT PTTEP และสุดท้าย 25 พ.ค.เฟดจะเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งที่ผ่านมา (Fed minute) นับเป็นอีกหนึ่ง

สำหรับประเด็นที่ตลาดจะให้ความสนใจมากที่สุดในสัปดาห์นี้ เนื่องจากจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงช่วงเวลาที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และ การปรับลดขนาดงบดุล ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบกดดันให้ Fund Flow ต่างชาติยังไหลออก เบื้องต้นตลาดส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25%ในการประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 13-14 มิ.ย.

Back to top button