
CGSI แนะซื้อ KTB ชูยีลด์ปันผลสูง 6.6% เคาะเป้า 30.50 บาท
CGSI ชี้ KTB มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 6.6% สูงสุดในกลุ่มธนาคาร พร้อม ROE เป้าหมายสองหลักใน 3 ปี มั่นใจฐานะเงินกองทุนแข็งแกร่งที่ 21.8% หนุนคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB จัดการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยผู้บริหารมองว่าเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปี 2568 ที่ 0% และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 2.9–3.0% เป็นไปได้ยาก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชำระหนี้ก่อนกำหนดของลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และกลุ่มสินเชื่อภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ขณะเดียวกัน คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ในไตรมาส 4/2568 ซึ่งจะกดดันผลตอบแทนจากสินทรัพย์ไปจนถึงปี 2569
อย่างไรก็ตาม KTB จะได้รับผลดีจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลง หลังการไถ่ถอนตราสารทางการเงินที่นับเป็นกองทุนสำรองส่วนเพิ่มชั้นที่ 1 (AT1) มูลค่า 18,000 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ย 8–9% ต่อปีในเดือนมีนาคม 2569 โดย CGSI ประเมินว่าจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยได้ประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อปี
CGSI คาดว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยของ KTB จะชะลอลงทั้งไตรมาสต่อไตรมาสและปีต่อปีในไตรมาส 4/2568 และปี 2569 จากฐานที่สูงในปีก่อน แต่ผู้บริหารคาดว่ายอดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะทรงตัว โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ในช่วง 40–42% สำหรับปี 2568–2569 และธนาคารจะเน้นเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) เพื่อรักษาการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมในปี 2569–2570
ผู้บริหาร KTB ระบุว่า ธนาคารมุ่งมั่นสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ให้กลับสู่ระดับเลขสองหลักภายในสามปีข้างหน้า และได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2568 เพื่อสะท้อนความตั้งใจสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ แม้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราการจ่ายเงินปันผล แต่ธนาคารคาดว่าจะรักษาระดับการจ่ายไว้ที่ราว 50% ของกำไรสุทธิในปี 2569
นอกจากนี้ KTB ยังอยู่ระหว่างพิจารณาความเป็นไปได้ในการซื้อหุ้นคืน เพื่อเพิ่มผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น และบริหารอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงซึ่งอยู่ในระดับสูงถึง 21.8% ณ สิ้นไตรมาส 3/2568
CGSI คงราคาเป้าหมายหุ้น KTB ที่ 30.50 บาท อิงค่า P/BV ที่ 0.86 เท่าในปี 2569 พร้อมแนะนำ “ซื้อ” โดยมองว่าหุ้นมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 6.4–6.6% ต่อปีในช่วงปี 2568–2570 สูงกว่าค่าเฉลี่ยธนาคารในอาเซียนที่ 5.8% ต่อปี อีกทั้งการประเมินมูลค่าที่ P/BV เพียง 0.77 เท่าในปี 2569 ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอาเซียนที่ 1.3 เท่า จึงถือว่าน่าสนใจในการลงทุน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์เตือนความเสี่ยงด้านขาลง (Downside Risk) หากสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกันมีอัตราหนี้เสีย (NPL) เพิ่มขึ้น รวมถึงแรงกดดันจากการลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ปัจจัยบวกจะมาจากการเติบโตของสินเชื่อภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
				
