TCAP ชงผถห.ปันผลเพิ่ม 1.30 บ.

TCAP ชงประชุมผถห.จ่ายปันผลเพิ่มเป็น 1.30 บ. คิดเป็น Dividend Yield ราว 2.4% ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 2 พ.ค. นี้


นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด(TCAP) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/61 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม 3,913 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 1,899 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 297 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 18.54%  เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/60 และเป็นการเติบโตติดต่อกัน 13 ไตรมาส

โดยฐานรายได้รวมของบริษัทฯและบริษัทย่อย ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ จำนวน 7,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 369 ล้านบาท หรือ 5.21% จากปริมาณสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่มีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 3,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.86% เป็นผลจากกำไรสุทธิจากเงินลงทุนและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ ประกอบกับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานปรับลดลงเล็กน้อย

ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ มีจำนวน 1,706 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 266 ล้านบาท หรือ 18.47% มีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้น ของ รายได้ค่าธรรมเนียมจากการจัดการกองทุนค่านายหน้า จากธุรกิจหลักทรัพย์ และค่านายหน้าจากการเป็นตัวแทน ขายประกันภัยและประกันชีวิต

ส่วนรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ มีจำนวน 1,814 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 389 ล้านบาท หรือ 27.30% มีสาเหตุหลักจากกำไร สุทธิจากเงินลงทุน เพิ่มขึ้น 276 ล้านบาท รายได้จากการรับประกันภัย/ประกันชีวิตสุทธิเพิ่มขึ้น 101 ล้านบาท และรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกรรมเช่าซื้อ

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 สินทรัพย์รวมของกลุ่มธนชาตมีจำนวน 1,026,120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 595 ล้านบาท หรือ 0.06% จากสิ้น ปี 2560สำหรับอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งหมดต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ(Coverage Ratio) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2561 อยู่ที่ 127.47% และอัตราส่วนสำรองต่อสำรองพึงกันตามเกณฑ์ ธปท. ณ สิ้น เดือนมีนาคม 2561 อยู่ที่ 167.15% โดยคิดเป็นสำรองส่วนเกินจำนวน 10,221 ล้านบาท

ขณะที่ในวันนี้จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นและจะเสนอจ่ายเงินปันผล 1.30 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield ราว 2.4% ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 2 พ.ค. นี้ โดยก่อนหน้านี้ TCAP จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.90 บาท และเมื่อรวมกับล่าสุด จะจ่ายปันผลเท่ากับ 2.20 บาท ถือว่ามากกว่าปี 2559 ที่จ่ายปันผล 2.00 บาท

นักวิเคราะห์ บล.ทรีนิตี้ ระบุว่า ในปี 61 สินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมมีแนวโน้มเติบโต บวกกับค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้คาดกำไรยังเติบโตต่อเนื่องได้ โดยคาดกำไรสุทธิสำหรับปี 61 ที่ 7,708 ล้านบาท เติบโตราว 10% โดยราคาหุ้นปัจจุบันที่ซื้อขายกันในระดับ Forward PBV 1.0 เท่า เป็นระดับอัพไซด์น่าสนใจ  จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าราคา 64 บาท

Back to top button