พาราสาวะถี

ในยุคเผด็จการถือเป็นบททดสอบองค์กรอิสระทั้งหลายกับเรื่องความโปร่งใส เป็นกลาง จะวางตัวกันอย่างไรท่ามกลางอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พร้อมมาตรายาวิเศษ ของพรรค์นี้หากมีใจสุจริตเป็นที่ตั้ง ยึดโยงประชาชนเป็นหลัก ถือหลักการเป็นสำคัญ อำนาจใด ๆ โดยเฉพาะการสั่งการที่ไม่ชอบธรรม ย่อมทำอะไรไม่ได้ เว้นเสียแต่ผู้มีอำนาจในองค์กรนั้นจะมีใจเอนเอียง อคติเลือกข้างนั่นก็อีกเรื่อง


อรชุน

ในยุคเผด็จการถือเป็นบททดสอบองค์กรอิสระทั้งหลายกับเรื่องความโปร่งใส เป็นกลาง จะวางตัวกันอย่างไรท่ามกลางอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด พร้อมมาตรายาวิเศษ ของพรรค์นี้หากมีใจสุจริตเป็นที่ตั้ง ยึดโยงประชาชนเป็นหลัก ถือหลักการเป็นสำคัญ อำนาจใด ๆ โดยเฉพาะการสั่งการที่ไม่ชอบธรรม ย่อมทำอะไรไม่ได้ เว้นเสียแต่ผู้มีอำนาจในองค์กรนั้นจะมีใจเอนเอียง อคติเลือกข้างนั่นก็อีกเรื่อง

เห็นมาแล้วจากกรณีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ยุค อมรา พงศาพิชญ์ นั่งประธาน มีเหตุการณ์สลายม็อบเสื้อแดงคนตายเกือบร้อยศพ บาดเจ็บกว่าสองพันคน ในขณะที่ผลการตรวจสอบยังเป็นปัญหา แต่ประธานกสม.กลับหอบดอกไม้ช่อโตไปให้ผู้นำที่สั่งฆ่าประชาชนในเวลานั้น ภาพดังกล่าวยากที่คนซึ่งแสวงหาความเป็นธรรมจะลบเลือนจากหัวใจกันไปได้

มายุคนี้ นาทีนี้ภาระหนักตกไปบนบ่าของกกต.ที่มี อิทธิพร บุญประคอง นั่งกุมบังเหียน เพราะจะเลื่อนเลือกตั้งหรือจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปตามสโลแกนขององค์กรคือเสรีและเป็นธรรมได้หรือไม่ ยังเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโต เอาแค่เห็นลีลาของเลขาธิการองค์กรพูดถึงไทม์ไลน์หย่อนบัตร จากเดิมที่บอกว่า 24 กุมภาพันธ์ 2562 เหมาะสมสุด เปลี่ยนเป็นพร้อมจัดตั้งแต่วันดังว่าไปจนถึง 9 พฤษภาคมปีเดียวกัน มันทะแม่ง ๆ และดูไม่งามยังไงชอบกล

แค่เริ่มต้นก็ออกอาการให้เห็นเสียแล้วว่า พร้อมที่จะรับลูกส่งลูกกับผู้มีอำนาจเหนือกว่า ทั้ง ๆ ที่หากมองย้อนไปยังเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายเฉพาะที่รองรับองค์กรแห่งนี้ ไม่มีใครที่จะมาควบคุม แทรกแซงได้ แต่ท่าทีที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ ต้องยอมรับกันว่า 5 เสือกกต.ยังออกลูกเกรงอกเกรงใจอำนาจเผด็จการ ไม่กล้าใช้อำนาจที่ตัวเองมีอย่างเต็มที่

ในความหมายคงไม่ได้บอกให้พุ่งชน แต่ต้องยืนบนหลักการที่ถูกต้อง เช่นวันเลือกตั้ง พร้อมวันไหนก็ประกาศให้ชัด ติดขัดเรื่องใดก็บอกกล่าวกันเสียให้กระจ่าง ไม่ต้องมาอ้างโน่นอ้างนี่สารพัด สุดท้ายก็หาจำเลยร่วม ซึ่งก็หนีไม่พ้นพรรคการเมืองทั้งที่รอการรับรอง จนไปถึงที่รับรองแล้วแต่อ้างความไม่พร้อมหลายประการ หากยังออกลูกเตะถ่วงโดยไม่พูดความจริง ภาพลักษณ์ที่ติดลบอยู่แล้วจะยิ่งต่ำเตี้ยเรี่ยดินไปเรื่อย ๆ

ส่วนที่คนในรัฐบาลและคณะเผด็จการต่างพากันยืนยันหน้าสลอนไม่มีทางเลื่อนโรดแมป ก็พูดกันได้เต็มปากเต็มคำ เพราะทุกอย่างมันถูกปัดมาให้เป็นภาระของกกต.หมดแล้ว และก็ดูเหมือนว่าคนในองค์กรแห่งนี้ก็พร้อมที่จะรับบทหนังหน้าไฟเสียด้วย คงต้องดูกันว่าถ้ามีกกต.ครบ 7 คนแล้ว การทำงานจะไปได้สวยหรืออัปลักษณ์ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น

บทเรียนมีให้เห็นมาหมาด ๆ คณะกรรมการไม่อยากเลือกตั้งชุดที่มี ศุภชัย สมเจริญ เป็นหัวหอก การเล่นเอาล่อเอาเถิดกับการเลือกตั้งเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2557 จนเป็นเหตุให้เกิดการรัฐประหารในปีเดียวกัน สุดท้าย ตัวเองและคณะที่พากันไม่ใช้อำนาจอย่างเต็มที่ ก็ไม่ได้ไปต่อถูกเซ็ตซีโร่กันถ้วนหน้า โดยมีบางรายได้รับเกียรติจากมาตรา 44 อัปเปหิไปเสียก่อนที่จะครบวาระ กลายเป็นกกต.ชุดประวัติศาสตร์ที่ไร้ผลงานในการจัดการเลือกตั้งระดับชาติ

ขณะที่องค์กรอิสระอีกหนึ่งแห่งอย่างป.ป.ช. การผุดประเด็นไล่บี้โครงการขายข้าวจีทูจี โดยมีเป้าหมายไปที่ ทักษิณ ชินวัตร ในจังหวะที่การเลือกตั้งกำลังเข้าสู่โหมดเข้มข้น ไม่ว่าคนจะวิจารณ์กันอย่างไรก็คงจะหน้าทนอ้างเหตุผลทางกฎหมาย แต่ถ้าหวังจะทำลายความน่าเชื่อถือหรือดิสเครดิตคนที่ผู้มีอำนาจไม่ชอบ เลือกตั้งทุกรอบที่ผ่านมามีบทเรียนให้เห็น ยิ่งถูกกระทำคะแนนยิ่งไหลมาเทมา

ด้วยรู้อยู่แก่ใจหรือเปล่าไม่ทราบว่าขยับเรื่องนี้จะมีเสียงวิจารณ์หนาหู จู่ ๆ วรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการป.ป.ช.จึงสื่อสารว่าคดีนาฬิกาหรูได้รับข้อมูลจากบริษัทนาฬิกามาครบถ้วนแล้ว กำลังให้คณะอนุกรรมการดำเนินการตรวจสอบและสรุปผล ก่อนจะส่งเข้าที่ประชุมป.ป.ช.เคาะได้ในเดือนธันวาคม สังคมก็อยากเห็นว่ามันจะมีบทสรุปอย่างไร ไม่ใช่พอถึงเวลาก็จะหาเหตุยื้อดึงออกไปอีก

ความจริงไม่ได้มีเพียงแค่เท่านั้น สิ่งที่สาธารณชนกังขาต่อมาตรการในการพิจารณาคดีขององค์กรอิสระแห่งนี้ยังมีทั้งปมจีที 200 รวมถึงโรงพักร้าง ซึ่งทั้งสองอย่างมีหลักฐานทนโท่ มิหนำซ้ำ ยังเกิดก่อนคดีอันเกี่ยวข้องกับฝ่ายของระบอบทักษิณมานานแสนนาน แต่กระบวนการพิจารณากลับอืดเป็นเรือเกลือ ด้วยอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะคดีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดกำมะลอ ต่างประเทศเขาเล่นงานคนผิดติดคุกหัวโตจนจะพ้นโทษกันอยู่รอมร่ออยู่แล้ว

สถานการณ์ว่าด้วยความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ เป็นธรรมดาของเผด็จการที่จะต้องสร้างภาพให้คนเห็นว่าไม่ได้มีใครรังเกียจ มิหนำซ้ำ ยังอ้าแขนรับอีกต่างหาก ยิ่งสหภาพยุโรปหรืออียูด้วยแล้ว ล่าสุด มีการโพนทะนากันยกใหญ่ว่าทุกชาติให้การยอมรับ แต่จดหมายที่กระทรวงการต่างประเทศอียูตอบกลับผู้ลี้ภัยไทยในยุโรป น่าจะเป็นการตบหน้าพวกที่ชอบโฆษณาชวนเชื่อเรื่องการยอมรับได้เป็นอย่างดี

จดหมายฉบับดังกล่าวลงนามท้ายโดย เดวิด ดาลี หัวหน้ากองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กรมเอเชียแปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศอียู เนื้อหาโดยสรุปคือ อียูเรียกร้องให้รัฐบาลเผด็จการฟื้นคืนประชาธิปไตยอย่างเร่งด่วน พร้อมเคารพสิทธิมนุษยชน หลักนิติรัฐ ปลดล็อกพรรคการเมืองทำกิจกรรม ยกเลิกข้อจำกัดเรื่องเสรีภาพการชุมนุมและการแสดงออก

ไม่เพียงเท่านั้น ยังตอกย้ำด้วยว่าในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสระหว่างไทยและอียูที่มีขึ้นเมื่อ 27 กันยายนปีนี้ ทางอียูได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีการเลือกตั้งที่น่าเชื่อถือ โปร่งใสและครอบคลุม เพื่อเป็นการฟื้นคืนสู่ธรรมาภิบาลอย่างประชาธิปไตย และเน้นย้ำเรื่องความสำคัญของการยกเลิกข้อจำกัดต่อพรรคการเมืองและเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมที่ยังเหลืออยู่ เท่านี้ก็น่าจะดูออกว่าใครกันที่เลือกจะพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว

Back to top button