BEC กองทุนตีตัวออกห่าง.!

หุ้นบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ถือเป็นหุ้นสื่อที่เคยเป็นขวัญใจบรรดากองทุน ที่มักเก็บหุ้นตัวนี้ติดพอร์ตไว้ แต่ระยะไม่กี่ปีมานี้ธุรกิจสื่อเป็นช่วงขาลง โดยเฉพาะสื่อทีวีดิจิทัล ที่กอดคอกันขาดทุนแทบทุกเจ้า ส่วน BEC เอง ประสบปัญหารายได้หายกำไรหดต่อเนื่อง ทำให้กองทุนอาจมองว่าไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน จึงเริ่มขายหุ้น BEC ทิ้ง


สำนักข่าวรัชดา

หุ้นบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ถือเป็นหุ้นสื่อที่เคยเป็นขวัญใจบรรดากองทุน ที่มักเก็บหุ้นตัวนี้ติดพอร์ตไว้ แต่ระยะไม่กี่ปีมานี้ธุรกิจสื่อเป็นช่วงขาลง โดยเฉพาะสื่อทีวีดิจิทัล ที่กอดคอกันขาดทุนแทบทุกเจ้า ส่วน BEC เอง ประสบปัญหารายได้หายกำไรหดต่อเนื่อง ทำให้กองทุนอาจมองว่าไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน จึงเริ่มขายหุ้น BEC ทิ้ง

ล่าสุดเห็นจะเป็นกรณีที่กองทุนระดับโลกอย่าง FRANKLIN TEMPLETON INVESTMENT FUNDS ของ “มาร์ค โมเบียส” กูรูด้านการลงทุน ที่มักลงทุนในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทย โดยหุ้นที่เลือกลงทุน เช่น BEAUTY, JUBILE หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ได้ตัดขายหุ้น BEC ออกจำนวน 4,142,90 หุ้น คิดเป็น 0.21% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลให้เหลือถือหุ้น 99,304,300 หุ้น คิดเป็น 4.97% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า BEC หมดเสน่ห์มัดใจบรรดากองทุนแล้วหรือไม่ ??

ทั้ง ๆ ที่ยุครุ่งเรืองของช่อง 3 นั้น BEC เป็นหุ้นเนื้อหอมที่บรรดากองทุนวิ่งเข้าใส่ เพราะเป็นบริษัทที่มีโปรไฟล์ดี ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องทุกปี แถมมีเงินสดเป็นจำนวนมาก

แต่ผ่านมาไม่นาน บางกองทุนเริ่มตีตัวออกห่างจาก BEC เลยชวนให้คิดว่าเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ !!

จะว่าไปแล้วจุดเปลี่ยนของ BEC เริ่มส่อเค้าลางมาตั้งแต่ยุคเปลี่ยนผ่านจากทีวีระบบอะนาล็อก มาสู่ทีวีระบบดิจิทัล สำหรับ BEC ไม่รู้ว่าเป็นการเดินเกมธุรกิจที่ผิดพลาดหรือไม่ (เป็นคำถามที่ยังไร้คำตอบ) ที่คิดการณ์ใหญ่ถือครองใบอนุญาตทีวีดิจิทัลถึง 3 ช่อง ทั้งช่อง 33 ช่อง 13 และช่อง 28 โดยหวังว่าจะตอบโจทย์คนดูให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม

แต่นอกจากไม่เป็นอย่างที่คิดแล้ว ต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าไลเซนส์และค่ามักซ์ของทั้ง 3 ช่องในแต่ละเดือนค่อนข้างสูง ฉุดให้รายได้และกำไรลดลงต่อเนื่อง

ที่สำคัญ BEC ต้องเผชิญกับภาวะโฆษณาหดรายได้หาย อันเป็นผลมาจากคู่แข่งทีวีดิจิทัล ที่เข้ามาแย่งชิงเม็ดเงินโฆษณา รวมถึงการมาของสื่อดิจิทัล เช่น เฟซบุ๊ก ยูทูป ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเสพสื่อของคนยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป…คนดูทีวีน้อยลง แต่หันไปท่องโลกโซเชียลฯ กันมากขึ้น ทำให้ช่วงที่ผ่านมา BEC มีพัฒนาการเชิงลบมาโดยตลอด

โดยเรตติ้งช่อง 3 จากเคยครองอันดับ 1 ก็ตกลงมาเป็นอันดับ 2 รองจากช่อง 7 ซะงั้น ..!?

ที่ผ่านมา BEC พยายามกอบกู้วิกฤติโดยการปรับโครงสร้างองค์กรและดึงทีมบริหารมืออาชีพเข้ามา แต่ดูเหมือนการเปลี่ยนแปลงยังไม่ค่อยเห็นผลนัก

ดูได้จากผลประกอบการที่ถดถอยลงเรื่อย ๆ โดยปี 2558 จากที่เคยทำกำไรระดับ 2,982 ล้านบาท จากรายได้ 16,017 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 18.62% ปี 2559 กำไรลดลงมาอยู่ที่ 1,218 ล้านบาท จากรายได้ 12,534 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 9.72%

ยิ่งเห็นได้ชัดปี 2560 ที่กำไรลดลงอย่างน่าใจหายเหลือแค่ 61 ล้านบาท จากรายได้ 11,226 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 0.54%

ที่เลวร้ายไปกว่านั้นงวด 9 เดือนของปี 2561 BEC พลิกมาขาดทุน 70 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 396 ล้านบาท

ต้องบอกว่า เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า BEC จะเจอกับคำว่าขาดทุน.. !!

แน่นอนว่า หากสิ้นปีนี้ BEC ไม่สามารถรักษากำไรให้คงอยู่ได้ จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ขาดทุนปีแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมา

หากเป็นเช่นนั้นจริง…คงได้เห็นภาพบรรดากองทุนทยอยตีตัวออกห่างจาก BEC ไปเรื่อย ๆ

เมื่อถึงเวลานั้น BEC ก็จะกลายเป็นเพียงอดีตหุ้นขวัญใจกองทุนไปในที่สุด

…อิ อิ อิ…

Back to top button