ตลาดรวน

*คำเดียวสั้น ๆ แต่มีความหมาย คงหนีไม่พ้นสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่ออกไปในทางตุปัดตุเป๋ จนทำให้นักเล่นเกิดความอึดอัดใจอย่างแรงอีกครั้ง เพราะโอกาสที่จะได้เห็นปรากฏการณ์ window dressing แทบจะเป็นศูนย์ หลังตัวเลขการ “ส่งออก” และ “นำเข้า” เดือนก่อนยังติดลบเหมือนเดิม “โมนิก้า” ถึงมองโมเมนตัมที่จะทำให้ระบบการเงินมีความคล่องตัวกว่าที่เป็นอยู่อย่างไรน่ะซี


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*คำเดียวสั้น ๆ แต่มีความหมาย คงหนีไม่พ้นสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยที่ออกไปในทางตุปัดตุเป๋ จนทำให้นักเล่นเกิดความอึดอัดใจอย่างแรงอีกครั้ง เพราะโอกาสที่จะได้เห็นปรากฏการณ์ window dressing แทบจะเป็นศูนย์ หลังตัวเลขการ “ส่งออก” และ “นำเข้า” เดือนก่อนยังติดลบเหมือนเดิม “โมนิก้า” ถึงมองโมเมนตัมที่จะทำให้ระบบการเงินมีความคล่องตัวกว่าที่เป็นอยู่อย่างไรน่ะซี

*ประเด็นดังกล่าวเชื่อมโยงกับการแกว่งตัวไปมาของดัชนีอย่างมีนัยสำคัญ เพราะสาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยไปไหนไม่ได้สักที มันก็มาจากตัวเลขเศรษฐกิจไม่หนุนอย่างที่มองกันไว้ ผนวกกับตัวเลขผลงานของบริษัทจดทะเบียนไม่ปังเหมือนที่คุยโม้ไว้ ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันเทขายหุ้นทิ้งแบบไม่ลังเลใจ เพราะผู้เล่นยึดหลักอยู่กับปัจจุบันน่าจะเป็นหนทางการลงทุนที่ดีสุดในห้วงเวลานี้นะจะบอกให้

*ฉะนั้นอย่ามาถาม “โมนิก้า” เกี่ยวกับการเหวี่ยงตัวไปมาของดัชนี ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 1,573.57 จุด บวกไป 0.65 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.28 หมื่นล้านบาท มันเกิดจากอะไรกันแน่ (ต่างประเทศบวก เราดันไม่บวกตาม) เพราะมันเป็นเรื่องที่เสียเวลามาก ๆ ที่จะดิ้นรนหาคำตอบ สู้เอาเวลาที่มีอยู่ไปหาหุ้นน่าลงทุนจะดีกว่าไหม ? หลังหุ้นบางตัวเริ่มโดนถล่มขายออกมาอีกระลอก จนนักเล่นเกิดอาการหวาดผวาอย่างหนักอีกรอบไงล่ะคะ

*เหมือนกับการทรุดตัวของหุ้นเครื่องดื่มชูกำลัง OSP ลงมายืนอยู่ที่ระดับ 39.50 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 852 ล้านบาท ทั้งที่ต้นเดือนก่อนยืนอยู่บริเวณ 45 บาท น่าจะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้แมงเม่าขวัญหนีดีฝ่อเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นการไหลลงสวนทางความเชื่อกำไรจะเริ่ดสะแมนแตน จึงต้องดูให้ดีว่าเที่ยวนี้จะไหลลงมาถึงโลว์เดิมที่บริเวณ 36 บาทหรือเปล่านะคะ

*เช่นเดียวกับในรายของ PTG ไหลลงจากยอดเดิมบริเวณ 20 บาทมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายยืนปิดที่ระดับ 15.70 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 6% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 408 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องกำไรไตรมาส 4 ไม่พีกเหมือนที่ขาใหญ่เคยเชื่อมาตลอด จึงหาทางออกด้วยการพยายามเทหุ้นออกมาให้หมดพอร์ต ต่อจากนั้นค่อยลงไปช้อนหุ้นที่ราคาต่ำกว่าก็เท่านั้นเอง..ส่วนราคาหุ้นจะลงสุดตรงบริเวณไหน ? เดี๊ยนก็ไม่รู้เหมือนกันเจ้าค่ะ

*สถานการณ์ข้างต้นสวนทางกับหุ้นที่ทำผลงานดีทุกไตรมาสอย่าง JMT อย่างสิ้นเชิง เดี๊ยนถึงรู้สึกแปลกใจที่เห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ 19.90 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 154 ล้านบาท เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องดูกันช็อตต่อช็อตว่า เที่ยวนี้หุ้นจะลงมาถึงเส้นแนวรับ 200 วันที่บริเวณ 18 บาทอ๊ะป่าว! เพราะทรงหุ้นมันโอนเอนมาในทางลงต่อประมาณนี้แหละ!

*สำหรับรายที่ต้องลุ้นกันจนตัวโก่ง คงต้องชี้เป้าไปยังหุ้น EPG ก่อนใครเพื่อนเหมือนกัน หลังหุ้นอ่อนตัวลงมายืนปิดที่ระดับ 6.10 บาท ลบไป 0.35 บาท หรือลงไป 5.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 85 ล้านบาท เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า หากวันนี้ยืนระยะไม่ได้เหมือนที่มองไว้ หุ้นมีโอกาสไหลลงกลับไปหาโลว์เดิมที่ราคา 5 บาทก็เป็นไปได้กระมัง! จึงอยากให้นักเล่นทำความเข้าใจกับอาการเครื่องรวนที่เกิดขึ้นกับหุ้นตัวนี้ด้วยนะจ๊ะ

*เรื่องนี้เชื่อมโยงไปถึงหุ้น RBF ทำท่าเหมือนจะขึ้นอย่างเป็นทางการทีไร มักโดนทุบจนหมอบราบคาบทุกที “โมนิก้า” ถึงรู้สึกกังวลที่เห็นราคาหุ้นไหลลงมายืนที่ระดับ 4.12 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 4.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 67 ล้านบาท เพราะมันเป็นสัญญาณที่บอกให้นักเล่นได้รู้ว่า หุ้นกำลังติดกับดักเล่นสั้น และทำให้โอกาสผงกหัวขึ้นกลายเป็นเรื่องยากไปแล้วซิคะ

*ขนาดหุ้นเดินเรือ PRM เต็มไปด้วยสตอรี่มากมาย แต่ราคาหุ้นกลับโดนเทเป็นระยะ จนวานนี้ลงมายืนที่ระดับ 6.75 บาท ลบไป 0.30 บาท หรือลงไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 91 ล้านบาท และมีสิทธิลงมายังฐานเก่าบริเวณ 6 บาทค่อนข้างสูง “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นดูทิศทางลมให้ดีเสียก่อน เพราะเดี๊ยนก็ยังไม่รู้สาเหตุการทิ้งหุ้นเที่ยวนี้มันเกิดจากอะไรกันแน่ จึงรู้สึกงงกับหุ้นที่เทรดบนค่า P/E 19 เท่าก็โดนสาดทิ้งไม่เว้นเหมือนกันน่ะซี

*ในเมื่อนั่นก็ไม่ดี โน่นก็ไม่ดี หวยเลยมาออกที่หุ้นน้องใหม่ SHR แบบสามตัวเต็ง ๆ ชนิดที่ได้แต่อ้าปากค้าง เพราะนับตั้งแต่วันที่หุ้นเข้าเทรดอย่างเป็นทางการ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ในราคา IPO หุ้นละ 5.20 บาท (เปิด 5 บาท ลงไปปิด 4.14 บาท) หลังจากนั้นราคาหุ้นก็เอาแต่มุดหัวลงลูกเดียว จนวานนี้ลงมาทำ all time low ที่ระดับ 3.30 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38 ล้านบาท มันหมายความว่านักเล่นไม่อยากเก็บหุ้นตัวนี้ไว้ในพอร์ตหรือเปล่า ? ลองกริ๊งกร๊างไปถามคุณพี่ “นริศ เชยกลิ่น” ดูซิ! เผื่อจะได้คำตอบ..อิอิอิ

Back to top button