รัฐบาลปากดี รัฐมนตรีปากเสีย

พยามออกมา “แก้ตัวพัลวัน” กรณี “ดอน ปรมัตถ์วินัย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า“เหตุการณ์สหรัฐฯ สังหารผู้บัญชาการทหารอิหร่าน ในประเทศอิรัก ที่เกิดขึ้นวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ประสานมายังไทย เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุเหตุผลว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ การแจ้งก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น”


พลวัตปี 2020 : สุภชัย ปกป้อง

พยามออกมา “แก้ตัวพัลวัน” กรณี “ดอน ปรมัตถ์วินัย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า“เหตุการณ์สหรัฐฯ สังหารผู้บัญชาการทหารอิหร่าน ในประเทศอิรัก ที่เกิดขึ้นวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ประสานมายังไทย เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุเหตุผลว่าต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ การแจ้งก่อนล่วงหน้าหนึ่งวัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น”

โดยเฉพาะกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ที่ระบุว่า “เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ยืนยันว่าไม่ได้มีการแจ้งให้ทราบก่อนแต่อย่างใด” ก่อนที่ล่าสุด “ดอน ปรมัตถ์วินัย” จะออกมาชี้แจงแก้เกี้ยวว่า “สิ่งที่ปรากฏตามข่าว มาจากข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไม่มีใครแจ้งการปฏิบัติการให้ไทยทราบก่อนแต่อย่างใด” แต่ไม่มีท่าทีแสดงความรับผิดชอบคำพูดที่ให้สัมภาษณ์จนเกิดเป็นประเด็นร้อน..ไปก่อนหน้านี้แต่อย่างใด..

ที่สำคัญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลไทย ไม่ได้มีท่าทีหรือตำหนิติติงต่อการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศใด ๆ เลย..

ทั้งที่คำพูดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศครั้งนี้..ถือเป็นความอ่อนไหวต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างยิ่ง เปรียบดั่ง “ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน” หรือการชักนำภัยอันตรายหรือศัตรูเข้าบ้าน นั่นหมายถึงจะก่อให้เกิดเรื่องเดือดร้อนโดยไม่รู้ตัว..!

ทว่าปรากฏการณ์ “รัฐมนตรีปากเสีย” แบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก..!

เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาฯ ปี 2561 กับเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และท่ามกลางความเศร้าสลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และความกังวลผลกระทบต่อความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยการท่องเที่ยวในประเทศไทย

แต่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า “นักท่องเที่ยวจีนเป็นคนทำนักท่องเที่ยวจีน จะไปเรียกความเชื่อมั่นยังไง เรื่องของนักท่องเที่ยวเขา เรื่องของเขา เขาทำเรือของเขาเอง เขาฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเรา แล้วจะให้เราไปเรียกความเชื่อมั่นยังไง ก็เป็นเรื่องของเขา”

คำพูดดังกล่าวไม่เพียงซ้ำเติมความเจ็บช้ำต่อผู้ที่สูญเสีย ยังกลายเป็นการทำลายตลาดท่องเที่ยวไทยทันที นักท่องเที่ยวจีนแสดงความไม่พอใจกับท่าทีของรัฐบาลไทย และมีการยกเลิกโปรแกรมท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดช่วงนั้น..!!

แหละนั่นเป็นหนึ่งในต้นเหตุทำให้นักท่องเที่ยวจีนที่เคยหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในไทยล้นหลาม หายไปจากประ เทศไทย จนเกิดผลกระทบต่อรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญมาจนถึงทุกวันนี้..!!

เท่านั้นไม่พอ..แม้แต่หัวหน้ารัฐบาล อย่าง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี มีคำพูดหรือคำให้สัมภาษณ์ที่เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นกรณีตรวจเยี่ยมน้ำท่วมจังหวัดสุโขทัย ก็มีคำพูดว่า “น้ำท่วมก็ให้ชาวบ้านไปเลี้ยงปลา” ท่ามกลางชาวบ้านที่กำลังประสบภัย..!!

หรือกรณีล่าสุดเกิดปัญหาภัยแล้ง ก็บอกว่า ให้ “ประชาชนช่วยตัวเอง ด้วยการขุดดิน ทำบ่อ ขายดิน เพื่อรอน้ำฝน”ดูแล้วแต่ละประโยคคำพูดของนายกรัฐมนตรี สุ่มเสี่ยงถูกตีความว่าเป็นการ “ซ้ำเติมสถานการณ์ มากกว่าที่จะทำให้สถาน การณ์มันดีขึ้น” ทั้งที่เจตนาจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

จากบทเรียนที่เกิดขึ้น น่าจะทำให้รัฐบาลต้องกลับมาทบทวนหรือกลั่นกรองเรื่องต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วน ประเมินผลดีผลเสีย ก่อนจะมีท่าทีหรือคำพูดใด ๆ ออกมา..มิเช่นนั้นจะถูกติฉินว่าเป็น “รัฐบาลปากดี รัฐมนตรีปากเสีย” เอาได้..!!

Back to top button