“เอ็กซ์สปริง” ตีตกคำขอ KC เลื่อนจ่ายหนี้ 350 ล้าน เตรียมถกบอร์ดหาทางออกด่วน

KC แจง “เอ็กซ์สปริง” ปัดตกขอเลื่อนชำระหนี้ตั่วแลกเงินงวดสุดท้าย 350 ล้านบาท หลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจและคลาดเคลื่อนด้านเงินทุน ขณะที่ บลจ.เอ็กซ์สปริงยืนยันไม่สามารถอนุมัติได้เพราะขัดมติผู้ถือหน่วย พร้อมเตรียมนำข้อเท็จจริงและผลกระทบให้บอร์ดพิจารณาและกำหนดแนวทางภายในเดือน ธ.ค. 68


บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่บริษัทฯ และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด (“เอ็กซ์สปริง”) ในฐานะผู้ชำระบัญชีของกองทุนเปิดโซลาริส ตราสารหนี้ พริวิเลจ 3M1 3M3 3M4 3M5 และ 6M6 ได้ลงนามในสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ฉบับลงวันที่ 29 เมษายน 2568 (“สัญญาปรับโครงสร้างหนี้”) อ้างถึงรายงานสารสนเทศ (1) และบันทึกข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ฉบับลงวันที่ 1 กันยายน 2568 (“บันทึกแก้ไขสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ฉบับที่ 2”) อ้างถึงรายงานสารสนเทศ

(2) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่บริษัทฯ ค้างชำระตามตั๋วแลกเงินซึ่งเกี่ยวข้องกับการลงทุนของกองทุนเปิดโซลาริส ตราสารหนี้ พริวิเลจ 3M1 3M3 3M4 3M5 และ 6M6 (“กองทุนรวม”) และอ้างถึงข้อ (3) เรื่องการลงนามบันทึกแก้ไขสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ ฉบับที่ 2 ระบุว่าบริษัทฯ ต้องชำระเงินงวดที่ 3 ซึ่งเป็นงวดสุดท้าย จำนวนไม่น้อยกว่า 350,000,000 บาท จนครบจำนวน 405,000,000 บาท รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ให้แก่เอ็กซ์สปริงภายในวันที่ 9 ธันวาคม 2568

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และประสบปัญหาความคลาดเคลื่อนด้านเงินทุน โดยยังอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาการเบิกเงินกู้จากกองทุน AO ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญ กระบวนการดังกล่าวล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้

ส่งผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถจัดสรรเงินสำหรับชำระงวดสุดท้ายจำนวน 350,000,000 บาทได้ภายในกำหนดเวลา ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมีเจตนารมณ์ที่จะชำระหนี้ส่วนที่เหลืออย่างเต็มความสามารถ โดยอยู่ระหว่างการขายอสังหาริมทรัพย์ผ่านหลายช่องทาง และเจรจากับผู้ร่วมลงทุนเพื่อจัดหาเงินทุนเพิ่มเติม

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 บริษัทฯ ได้ส่งหนังสือถึงเอ็กซ์สปริงเพื่อขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้งวดที่ 3 (งวดสุดท้าย) ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ โดยขอขยายระยะเวลาเพิ่มเติมอีก 1 ปี ทั้งนี้ บริษัทฯ ยินดีรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของกองทุน หากมีการพิจารณาอนุมัติการขยายเวลา

ต่อมา เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา เอ็กซ์สปริงได้มีหนังสือเลขที่ XAM 133/2568 ตอบกลับและชี้แจงว่าการขอขยาย ระยะเวลาการชำระหนี้งวดที่ 3 ดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสาระสำคัญที่อยู่นอกเหนือกรอบมติผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งที่ 2 ตามหนังสือเลขที่ XAM 9/2568 ลงวันที่ 13 มกราคม 2568 ซึ่งกำหนดชัดเจนว่าการชำระเงินทั้งหมดต้องแล้วเสร็จภายในปี 2568 และไม่ครอบคลุมการอนุญาตให้ขยายระยะเวลา ดังนั้น เอ็กซ์สปริงจึงไม่สามารถให้ความยินยอมต่อคำขอขยายเวลาของบริษัทฯ ได้

อย่างไรก็ดี เอ็กซ์สปริงในฐานะผู้ชำระบัญชีของกองทุนรวมมีความเข้าใจต่อบริบทของภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน รวมถึงแนวทางการจัดหาเงินทุนของบริษัทฯ แต่ในฐานะผู้ชำระบัญชีมีหน้าที่ตามกฎหมายในการรักษาผลประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหน่วยลงทุน

ดังนั้น เอ็กซ์สปริงจะนำเสนอข้อเท็จจริงทั้งหมด รวมถึงผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้ การดำเนินการที่ผ่านมา ข้อเสนอของบริษัทฯ และทางเลือกในการดำเนินการ ต่อคณะกรรมการบริษัทของเอ็กซ์สปริงเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางที่เหมาะสมภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งอาจรวมถึงการขอมติผู้ถือหน่วยลงทุน การใช้สิทธิตามสัญญา การเรียกชำระเงินต้นและดอกเบี้ยผิดนัด การดำเนินคดี หรือการขายทอดตลาดทรัพย์สินหลักประกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการบริษัทเอ็กซ์สปริงและมติผู้ถือหน่วยลงทุน โดยคาดว่ากระบวนการจัดประชุมผู้ถือหน่วยจะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนมกราคม 2569

ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอยืนยันเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นที่จะชำระคืนหนี้ให้ครบถ้วน เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงใด บริษัทฯ จะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ และนักลงทุนทราบโดยทันที

Back to top button