SMK ทีได้เฮ…ทีเสียโฮ.!?

ลูกค้าช็อกยิ่งกว่าผลติดโควิดเสียอีก..!? เมื่ออยู่ ๆ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK ก็ประกาศยกเลิกประกันโควิดแบบ เจอ จ่าย จบ อย่างไม่ทันตั้งตัว...โดยเป็นการบอกเลิกกรมธรรม์ในสถานการณ์ที่โควิดระบาดหนัก ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 10,000 รายเสียด้วยสิ...


ลูกค้าช็อกยิ่งกว่าผลติดโควิดเสียอีก..!? เมื่ออยู่ ๆ บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK ก็ประกาศยกเลิกประกันโควิดแบบ เจอ จ่าย จบ อย่างไม่ทันตั้งตัว…โดยเป็นการบอกเลิกกรมธรรม์ในสถานการณ์ที่โควิดระบาดหนัก ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งทะลุ 10,000 รายเสียด้วยสิ…

การที่ลูกค้าทำประกันโควิดไว้ ก็เพื่อความอุ่นใจ หากพลาดพลั้งติดโควิดขึ้นมาจะได้มีเงินก้อนไว้รักษา…แต่ SMK กลับมาเทลูกค้าอย่างไร้เยื่อใยซะงั้น

จากที่เจอ จ่าย จบ ก็กลายเป็นจบตั้งแต่ยังไม่เจอน่ะสิ…งานนี้จึงกลายเป็นดราม่าร้อนฉ่าในโลกออนไลน์ขึ้นในบัดดล..!!

โอเค…ในแง่ของกฎหมายทำได้ มีช่องให้ยกเลิกได้ อันนี้ไม่เถียง…แต่การมายกเลิกในช่วงที่โควิดพีกอย่างนี้ ในมุมลูกค้าก็อาจมองว่ามันไม่แฟร์

ก็เข้าใจอะนะ…ในสถานการณ์อย่างนี้ บริษัทประกันมีความเสี่ยงสูง แต่บริษัทก็มีวิธีในการบริหารจัดการความเสี่ยง อาจใช้วิธีประกันภัยต่อ ซึ่งมีทางเลือกทำได้

อ้อ…อย่าลืมว่าปีที่แล้วยอดผู้ติดเชื้อโควิดแค่หลักสิบคนเท่านั้น ไม่ได้เยอะขนาดนี้ นั่นแปลว่ายอดเคลมประกันโควิดน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนลูกค้าที่ทำประกันไว้ ก็หมายความว่า บริษัทประกันกินฟรีไปแล้วนะ…

พอมียอดคนติดเชื้อเยอะ ยอดเคลมสูง แล้วปิดความเสี่ยงด้วยการเทลูกค้าแบบนี้…มันดูไม่น่ารักเลย

เข้าทำนอง “ทีได้เฮ…ทีเสียโฮ” น่ะสิ…

ที่จริง SMK ไม่ใช่บริษัทประกันโนเนมน้องใหม่ แต่เป็นบริษัทที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 70 ปีแล้ว โดยก่อตั้งตั้งแต่ปี 2494 ภายใต้ชื่อบริษัท บ้วนฮงเซ้งประกันภัย จำกัด และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2537 ภายใต้ชื่อบริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ SMK มาจนถึงปัจจุบัน ก็น่าจะเห็นอะไรมาเยอะ…ไม่น่าจะคิดน้อยอย่างนี้

ขณะที่ถ้าดูจากงบการเงินของ SMK ก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องแต่อย่างใด…มีรายได้ปี ๆ หนึ่งเป็นหมื่นล้านบาท ส่วนกำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 700-900 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกปีนี้มีรายได้อยู่ที่ 2,452 ล้านบาท ฟาดกำไรไปแล้ว 176 ล้านบาท

แถมกระแสเงินสดก็เยอะ โดย ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2564 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดสูงถึง 1,661 ล้านบาท หนี้สินที่จะต้องจ่ายภายในระยะเวลาหนึ่งปีก็ไม่ปรากฏให้เห็น ที่สำคัญมีกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรรสูงถึง 6,078 ล้านบาท ตุนไว้ในกระเป๋าอีกต่างหาก

รวมทั้งเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ ยีลด์เฉลี่ยอยู่ที่ 5-7% ต่อปีเลยทีเดียว

สรุปแล้วไม่สมเหตุสมผลที่ SMK จะยกเลิกประกันโควิดในช่วงนี้ เพราะบริษัทก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกเสียหน่อย ด้วยสภาพคล่องที่มีอยู่ ก็น่าจะเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงได้…

ในทางกลับกัน หากบริษัทขาดทุน ขาดสภาพคล่อง ลูกค้าคงพอทำเนาได้ …แต่นี่บริษัทไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกนะ แล้วอยู่ ๆ มายกเลิกอย่างนี้ ในมุมลูกค้าก็เสียโอกาส…ครั้นจะไปทำประกันโควิดกับบริษัทอื่นเบี้ยก็แพงไปแล้ว ค่าสินไหมทดแทนก็แตกต่างจากเมื่อต้นปีที่ค่าสินไหมยังดีอยู่ ก็ทำให้ลูกค้า SMK เสียโอกาสไปโดยปริยาย…

เหตุการณ์ครั้งนี้ถ้าลองเอาตาชั่งมาชั่งดู SMK อาจได้ไม่คุ้มเสีย เพราะแบรนด์พัง…การตลาดพังไปแล้ว..!?

อย่าลืมว่า ความเชื่อมั่นมันสร้างยาก แต่การรักษาไว้ยิ่งยากกว่านะ

โชคดีนะเนี่ยที่บริษัทประกันค่ายอื่น ๆ ไม่ได้คล้อยตาม…รีบออกมานั่งยันนอนยันว่าไม่มีนโยบายในการยกเลิกกรมธรรม์แต่อย่างใด จึงไม่เกิดปรากฏการณ์ไฟลามทุ่ง และช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์วงการประกันได้บ้าง…

แต่ที่แน่ ๆ เหตุการณ์ครั้งนี้ คงเป็นบทเรียนราคาแพงระยับสำหรับ SMK…อย่างน้อย ๆ ก็ทำให้ราคาหุ้น SMK เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ก.ค. 2564 ทรุดลง 2.68% ปิดตลาดที่ 36.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 7,658 ล้านบาท สูงสุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาเลยทีเดียว

ไม่นับรวมผลเสียที่จะตามมาในอนาคตอีกนะเนี่ย…อย่าให้ต้องสาธยายเลย…

แม้ล่าสุด SMK จะฝืนกลับใจ..แต่สิ่งที่เสียไปไม่กลับมาอีกแล้ว..!!

…อิ อิ อิ…

Back to top button