S เล็งเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการราวหมื่นลบ.ในปีหน้า

S เล็งเปิด 4 โครงการใหม่พื้นที่กทม.-ปริมณฑล ในปีหน้า โดยมีมูลค่าโครงการราวหมื่นลบ. มองมาตรการการกระตุ้นภาคอสังหาฯ เป็นผลดีในระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่เตรียมแถลงข่าวร่วมมือพันธมิตรในการเข้าลงทุนโรงแรมในอังกฤษโดยใช้แบรนด์ Mercure ในวันที่ 19 ต.ค.นี้


นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทมีแผนเปิดตัว 4 โครงการใหม่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มูลค่าโครงการรวม 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยวระดับบน บนทำเล ถ.ประดิษมนูธรรม 20 หลัง ราคาเฉลี่ย 150 ล้านบาท/หลัง และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ

สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมคาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในครึ่งปีหลังของปี 59 โดยบริษัทตั้งเป้าทั้งปีจะมียอดขายโครงการคอนโดมิเนียมเฉพาะโครงการที่ S เป็นผู้พัฒนาอยู่ที่ 5 พันล้านบาท (ไม่รวมกับยอดขายของบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด)เติบโตก้าวกระโดดจากปีนี้ที่มีเป้ายอดขายราว 2.5 พันล้านบาท โดยบริษัทมีที่ดินที่พร้อมพัฒนาแล้ว 2 แปลง คือ ย่านรัตนาธิเบศร์พื้นที่ 8 ไร่ ซึ่งสามารถพัฒนาได้ 4 โครงการ แต่เบื้องต้นจะพัฒนา 2 โครงการก่อน และอีก 1 แปลงในทำเลย่าน ต.บางรักใหญ่ จ.นนทุบรี เนื้อที่ 4 ไร่

ล่าสุด วันนี้บริษัทได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมหรู”ดิ เอส อโศก”เป็นอาคารพักอาศัยสูง 55 ชั้น รวม 419 ยูนิต บนพื้นที่เกือบ 3 ไร่ มูลค่าโครงการ 4.5 พันล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 7.69 ล้านบาท/ยูนิต บริษัทตั้งเป้าปิดการขายโครงการภายในสิ้นไตรมาส 1/59 โดยจะมีการเปิดให้เข้าเยี่ยมชมและพรีเซลที่โครงการได้ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.นี้ โดยมีส่วนลดพิเศษในช่วงพรีเซล 300,000-1,200,000 บาท และเปิดขายที่สยามพารากอนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 13-15 พ.ย.นี้

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตการวิเคราะห์และประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ไนไตรมาส 2/59 และมีกำหนดแล้วเสร็จปลายปี 61

“โครงการนี้เป็นโครการแรกของเราที่เปิดตัว ตอนนี้ก็ยังไม่มียอดขายเข้ามาเลย เพราะยังไม่เริ่มขาย แต่มีของ RASA ที่ติดมาประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งก็ได้โอนไปหมดแล้ว ตอนนี่เราก็ยังไม่มี Backlog ที่จะมารับรู้รายได้ในอนาคต เพราะโครงการแรกนี้ยังไม่เริ่มขาย ส่วนที่ดินก็ไม่ได้ตั้งงบซื้อไว้ เพราะการทำงานของ S ในการพัฒนาอสังหาฯส่วนใหญ่ก็เป็นที่ดินในเครือบุญรอดฯ ราอยากทำโครงการอะไรก็จะมีการดีลกับในเครือก่อน”นายณัฐวุฒิ กล่าว

ส่วนมาตรการการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่ออกมานั้น  มองว่าน่าจะเป็นผลดีในระยะสั้นเท่านั้นที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ระบายสต๊อคของตนเองออกมา เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีสต๊อคจำนวนมากทำให้เกิดโอเวอร์ซัพพลาย โดยเฉพาะโครงการขนาดกลาง-ล่าง แต่หวังว่าหากมาตรการดังกล่าวได้รับผลตอบรับที่ดีอาจจะมีการขยายระยะเวลาของมาตรการดังกล่าวออกไปได้อีก

ด้านนายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร S เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 19 ต.ค.58 บริษัทจะจัดงานแถลงข่าวความร่วมมือกับพันธมิตรในการเข้าลงทุนโรงแรมในสหราชอาณาจักร โดยใช้แบรนด์ Mercure ทำให้วันนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขไนสัญญาที่ได้ลงนามไว้กับพันธมิตร

Back to top button