
รัฐสภาโหวตรับหลักการร่างแก้ รธน. “ภูมิใจไทย–ประชาชน” ตีตก “เพื่อไทย”
ที่ประชุมรัฐสภาลงมติรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ขณะที่ร่างของ “เพื่อไทย” ได้เสียง สว. ไม่ถึงหนึ่งในสาม ก่อนโหวตเลือก “ร่างภูมิใจไทย” เป็นร่างหลักในชั้น กมธ. วิสามัญ แปรญัตติ 15 วัน ด้าน “ภราดร” ยืนยันพร้อมปรับเนื้อหา ใช้โมเดลผสม “เพื่อไทย” ปลดล็อกตั้ง สสร.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ต.ค.68) การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ประกอบด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) นัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ซึ่งเสนอโดย 3 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคประชาชน (นำโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ) พรรคภูมิใจไทย (นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล) และพรรคเพื่อไทย (เสนอโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล) ภายหลังเปิดให้อภิปรายอย่างกว้างขวางตลอดวันที่ 14–15 ตุลาคม 2568
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา แถลงผลการลงมติของร่างทั้งสามฉบับว่า ร่างที่เสนอโดย นายพริษฐ์ ได้รับเสียงเห็นชอบ 568 เสียง โดยมี สว. เห็นชอบ 108 เสียง ดังนั้นร่างนี้ถือว่าผ่านเกณฑ์เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา และมี สว. เห็นชอบเกินหนึ่งในสาม จึงถือว่ารับหลักการ
ขณะที่ร่างที่เสนอโดย นายอนุทิน ได้รับเสียงเห็นชอบรวม 629 เสียง รวมถึง สว. 167 เสียง ถือว่าผ่านการรับหลักการเช่นกัน
ส่วนร่างของนายชูศักดิ์ ได้รับเสียงเห็นชอบรวม 521 เสียง แต่มี สว. เห็นชอบเพียง 60 เสียง ไม่ถึงหนึ่งในสามของจำนวน สว. ทั้งหมด (66 เสียง) จึงถือว่า ร่างดังกล่าวไม่ผ่านการรับหลักการในวาระแรก
จากนั้น ที่ประชุมร่วมรัฐสภามีมติจัดตั้ง คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ จำนวน 43 คน เพื่อพิจารณารายละเอียดของร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 15 วัน
องค์ประกอบของ กมธ. ประกอบด้วย สว. 12 คน และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) 31 คน โดยมาจากพรรคประชาชน 9 คน พรรคเพื่อไทย 9 คน พรรคภูมิใจไทย 4 คน ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคกล้าธรรม และพรรคประชาธิปัตย์ พรรคละ 2 คน ส่วนพรรคพลังประชารัฐ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาชาติ พรรคละ 1 คน ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติให้ร่างของพรรคภูมิใจไทย เป็น ร่างหลัก ในการพิจารณาของ กมธ. วิสามัญ
ก่อนหน้านี้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปอภิปรายร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่า ร่างของพรรคภูมิใจไทยที่หลายฝ่ายกังวลว่าขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ขอยืนยันว่า เจตนารมณ์ของพรรคต้องการให้มี สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง แต่เนื่องจากติดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พรรคจึงเสนอให้รัฐสภาเป็นผู้คัดเลือก สสร. แทน เพื่อให้กระบวนการเดินหน้าได้ตามกรอบกฎหมาย
สำหรับข้อกังวลที่ว่า ร่างของพรรคภูมิใจไทยจะนำไปสู่ “รัฐธรรมนูญสีน้ำเงิน” นั้น นายภราดร ชี้แจงว่า พรรคไม่ยึดติดกับร่างของตนเอง และพร้อมเปิดรับข้อเสนอจากพรรคอื่น โดยอาจนำโมเดลของพรรคเพื่อไทยมาผสมผสาน เช่น ให้ตัวแทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต., เทศบาล, ส.ท., นายก อบต.) เป็นผู้เลือก สสร. ระดับจังหวัด รวมราว 300 คน ก่อนให้รัฐสภาคัดเหลือ 100 คน เพื่อรักษาหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน
นายภราดร กล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคภูมิใจไทยมีความตั้งใจให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ “ลุล่วงถึงปลายทาง” พร้อมลดความกังวลของเพื่อนสมาชิก โดยย้ำว่า ถ้าถอยคนละก้าว ก็เดินไปด้วยกันได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ถกร่างแก้รธน. วันแรก “ภท.-พท.-ปชน.” ต่างสูตร สสร.–เป้าหมายเดียว “ฉบับใหม่”