BAFS ขยายท่อส่งน้ำมันสระบุรี-อ่างทอง Thappline ตั้งเป้าปริมาณ 700 ล้านลิตร คาด COD ปี 69

BAFS ส่งบ.ย่อย BPT ขยายโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันสระบุรี-อ่างทอง เชื่อม Thappline ตั้งเป้าขนส่งน้ำมันจากภาคตะวันออกสู่ภาคเหนือเพิ่มขึ้นกว่า 700 ล้านลิตรต่อปี เริ่มก่อสร้างปี 67 คาดให้บริการปี 69 หวังลดก๊าซเรือนกระจก มู่งสู่คาร์บอนต่ำ


ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า บริษัทและกลุ่มบริษัทในเครือ (BAFS Group) ให้ความสำคัญกับการดำเนินกิจการอย่างยั่งยืน โดยวางแผนกลยุทธ์เสริมสร้างความสามารถในการขับเคลื่อนองค์กรด้วย การบูรณาการด้านการขยายธุรกิจกับการเติบโตอย่างยั่งยืนเข้าด้วยกัน โดยที่ผ่านมา บริษัทมุ่งยกระดับการให้บริการน้ำมันอากาศยานและขยายการลงทุนในกลุ่มบริษัทอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดได้รับการพิจารณาให้เป็นผู้ดำเนินการต่อเชื่อมระบบท่อส่งน้ำมัน โครงการระบบท่อขนส่งน้ำมันสระบุรี-อ่างทอง เข้ากับระบบคลังน้ำมันสระบุรีของ Thappline เพื่อขยายระบบขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ ระยะที่ 3 เส้นทาง คลังน้ำมันสระบุรี–สถานีแยกระบบท่ออ่างทอง ระยะทางประมาณ 52 กิโลเมตร เป็นส่วนต่อขยายจากท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือระยะที่ 1 จากคลังน้ำมันบางปะอินไปยัง กำแพงเพชร-คลังน้ำมันพิจิตร

ส่วนระยะที่ 2 กำแพงเพชร-คลังน้ำมันนครลำปาง ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการขนส่งน้ำมัน จากโรงกลั่นน้ำมันศรีราชาและโรงกลั่นน้ำมันมาบตาพุดที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกไปยังเขตพื้นที่ภาคเหนือ ผ่านระบบท่อส่งใต้ดินทดแทนการขนส่งด้วยรถบรรทุกน้ำมัน ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดปัญหาฝุ่นควันจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงจากการขนส่ง และยังช่วยลดอุบัติเหตุซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการขับขี่ระยะไกล

สำหรับท่อขนส่งน้ำมันส่วนเชื่อมต่อนี้ คาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างภายในปี 2567 และมีแผนเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2569 โดยคาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณขนส่งน้ำมันผ่านท่อน้ำมันไปยังภาคเหนือสูงขึ้นจากเดิมกว่า 50% ยกระดับโครงข่ายการขนส่งน้ำมันทางท่อในโครงการขยายระบบท่อขนส่งน้ำมันไปภาคเหนือ (NFPT) รวมระยะทางกว่า 628 กิโลเมตร นับเป็นระบบขนส่งน้ำมันทางท่อที่ยาวที่สุดในอาเซียน ดังนั้น บริษัทจึงได้สนับสนุนการเพิ่มทุนเพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงินและการลงทุน พร้อมเปลี่ยนชื่อ “บริษัท ขนส่งนํ้ามันทางท่อ จํากัด (FPT)” เป็น “บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จํากัด (BPT)” มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา

ขณะที่นายเจษฎ์ ทูปิยะ กรรมการผู้จัดการ BPT เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา บริษัทเน้นทำการตลาดเชิงรุกเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้ามาใช้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อให้มากขึ้น ส่งผลต่อเนื่องให้ปีนี้ ซึ่งประมาณการว่าปริมาณขนส่งน้ำมันผ่านระบบท่อจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

โดยบริษัทมีแผนการเพิ่มปริมาณน้ำมันผ่านท่อเพิ่มขึ้นโดยส่งเสริมให้คลังน้ำมันปลายท่อ ได้แก่ คลังน้ำมันพิจิตรและคลังน้ำมันนครลำปางเป็นจุดกระจายน้ำมันเพื่อการส่งออกไปยังประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีกำหนดในเดือนมิถุนายนปีนี้ ส่งผลให้ประมาณการปริมาณน้ำมันขนส่งผ่านระบบท่อไปยังคลังน้ำมันนครลำปางเพิ่มขึ้นถึง 40%

สำหรับในไตรมาส 1/67 ที่ผ่านมา ปริมาณการขนส่งน้ำมันของบริษัทเติบโตขึ้นถึง 41% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน และเชื่อว่าไตรมาส 2/67 จะดีขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้คาดการณ์เป้าหมายปริมาณการขนส่งน้ำมันปี 2567 ไว้ที่ 1,200 ล้านลิตร มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นถึง 32% เป็นอย่างน้อย

“อีกหนึ่งภารกิจสำคัญของบริษัทคือการร่วมขับเคลื่อนสังคมสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการขนส่ง โดยเริ่มเปิดให้บริการระบบท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือตั้งแต่ ปี 2562 เป็นต้นมา โดยบริษัทช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการขนส่งน้ำมันด้วยรถบรรทุกไปแล้วกว่า 54,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นการปลูกต้นไม้ถึง 5,684,200 ต้น” นายเจษฎ์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนต่อยอดในการเดินเครื่องสูบถ่ายน้ำมัน ด้วยไฟฟ้าสะอาดจากแผงโซลาฟาร์มของบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) เพื่อทดแทนการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแบบเดิม โดยเริ่มดำเนินการณ คลังน้ำมันบางปะอิน ภายในปีนี้ พร้อมขยายโครงการติดตั้งแผงโซล่ารูฟท็อป ที่คลังน้ำมันพิจิตรและนครลำปาง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะช่วยลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ ขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็น สังคมคาร์บอนต่ำ บรรลุเป้าหมาย Net Zero Emissions ได้อย่างยั่งยืน

Back to top button