
1,200 จุดแค่หน้าปากซอย?
ดัชนีหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างวันขึ้นมาเหนือ 1,200 จุดได้ แต่เมื่อปิดตลาด กลับยืนไม่ได้ดัชนีลงมาปิด 1,198.98 จุด
ดัชนีหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างวันขึ้นมาเหนือ 1,200 จุดได้
แต่เมื่อปิดตลาด กลับยืนไม่ได้
ดัชนีลงมาปิด 1,198.98 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,633 ล้านบาท
หุ้นที่ช่วยดันดัชนีขึ้นมายังเป็นกลุ่มหุ้นเดิม คือ AOT DELTA CPALL GULF ส่วนกลุ่มที่กดดัชนี เป็นกลุ่มธนาคารฯ ที่ราคาหุ้นพากันปรับลง หลังจากมูดี้ส์ฯ ปรับมุมมอง 7 แบงก์ไทยจาก “คงที่” สู่ “เชิงลบ”
ในช่วงเปิดตลาดภาคเช้า กลุ่มหุ้นแบงก์ยังยืนในแดนบวกได้เป็นส่วนใหญ่
ทั้ง KBANK BBL KTB SCB
แต่เมื่อผ่านไปสักพัก กลุ่มหุ้นแบงก์ที่มีส่วนดันดัชนี เริ่ม “มอบตัว”
ทั้ง 7 แบงก์ ราคาค่อย ๆ ปรับตัวลง และส่วนใหญ่จะลงมาปิดในแดนลบ
นับจากปลายปี 2567 กลุ่มแบงก์สามารถยืนส่วนภาพรวมของตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง ราคาหุ้นต่างปรับขึ้นต่อเนื่อง และมีส่วนช่วยประคองดัชนีหุ้นไทยไว้
แม้ว่าในช่วงที่ผลประกอบการไตรมาส 1 ปีนี้ออกมา แบงก์บางแห่งจะมีตัวเลขต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด
แต่ราคาจะสะดุดเล็กน้อย เช่น TTB แต่หลังจากนั้น ราคาหุ้นค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นมา
กระทั่งเมื่อมูดี้ส์ฯ ปรับลดมุมมองเท่านั้นแหละ
ราคาหุ้นต่างปรับลงถ้วนหน้า และมีส่วนสำคัญต่อการกดดัชนีให้ลงมาปิดต่ำกว่า 1,200 จุด
นักวิเคราะห์ต่างมองว่าแบงก์จะได้รับผลกระทบช่วงสั้นเท่านั้น
เพราะการปรับมุมมองจากคงที่สู่เชิงลบ ไม่ได้มีนัยฯ ที่จะทำให้ต้นทุนของแบงก์เพิ่มขึ้น
ประกอบกับทั้งเงินกองทุน Coverage Ratio ทุกแบงก์ต่างอยู่ในระดับสูง และสามารถที่จะรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
ราคาหุ้นแบงก์ที่ปรับลงจึงน่าจะกลับมาฟื้นตัวได้
และหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ น่าจะหลายปีมาก ๆ แล้ว ในช่วงที่แบงก์ที่ถูกเรตติ้งลงมา (ไม่ใช่มุมมอง)
ขณะนั้น หุ้นแบงก์ปรับลงมาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ก่อนจะดีดกลับขึ้นมาเท่าเดิมได้
ว่ากันว่า ในภาวะตลาดหุ้นเช่นปัจจุบัน และเศรษฐกิจที่ยังผันผวน
หุ้นแบงก์ถือเป็นกลุ่มที่ยังคงแข็งแกร่งสุดในตลาดเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ
เข้าใจว่าในสัปดาห์นี้เราน่าจะเริ่มเห็นการซื้อหุ้นแบงก์กลับบ้างแล้ว โดยเฉพาะหุ้นที่ราคาอาจลงมาบริเวณแนวรับสำคัญ หรือหลุดแนวรับ
หากหุ้นแบงก์กลับมาได้
และกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ทั้ง GULF DELTA CPALL ADVANC ยังขึ้นต่อเนื่อง ไม่ได้ถูกขายทำกำไรออกมา
ดัชนีน่าจะผ่าน 1,200 จุดได้ไม่ยาก
ส่วนปัญหาเรื่องนโยบายภาษีทรัมป์ ล่าสุด
ข่าวว่าเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ อย่างทางการจีนเริ่มยอมรับแล้วว่าคงจะต้องมีการคุยกัน
ขณะที่ของไทยเอง หากสหรัฐฯ ไม่กลับไปที่อัตรา 36-37% เหมือนที่ประกาศไว้ช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
หุ้นไทยก็ไม่น่าจะย่อลงไปแล้วล่ะ
ยิ่งหากรัฐบาลสามารถเดินหน้าผลักดันเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ได้ต่อไปไม่มีสะดุด น่าจะเป็นอีกปัจจัยหนุนหุ้นไทยค่อย ๆ พลิกกลับขึ้นมาได้
ล่าสุดเท่าที่ดูประมาณการของโบรกเกอร์ต่าง ๆ เกี่ยวกับดัชนีหุ้นไทยปี 2568 ต่างยังคงเคาะไว้ว่าจะสูงกว่า 1,300 จุด ในสิ้นปีนี้ หรืออาจจะมีบวกลบเล็กน้อย
โดยกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจยังคงเป็นกลุ่มที่เกี่ยวกับ Domestic play และกลุ่มแบงก์
ธนะชัย ณ นคร