
“บัฟเฟตต์” ประกาศวางมือบริหาร Berkshire Hathaway จับตา “เกร็ก เอเบล” ขึ้นแท่นซีอีโอใหม่
“วอร์เรน บัฟเฟตต์” มหาเศรษฐีนักลงทุนวัย 94 ปี เตรียมก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอ Berkshire Hathaway สิ้นปีนี้ พร้อมส่งต่อ “เกร็ก เอเบล” มือขวาสืบทอดบริหารธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงาน (5 พ.ค.68) อ้างอิงสำนักข่าวบีบีซี ระบุ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีและนักลงทุนระดับโลกวัย 94 ปี ประกาศเตรียมลงจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Berkshire Hathaway ภายในสิ้นปีนี้ โดยจะส่งต่อบทบาทสำคัญให้กับ เกร็ก เอเบล รองประธานบริษัท ขึ้นรับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่
โดยตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา บัฟเฟตต์ ได้พัฒนา Berkshire Hathaway จากบริษัทสิ่งทอที่กำลังล้มเหลวให้กลายเป็นบริษัทโฮลดิ้งด้านการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยมูลค่าบริษัทปัจจุบันสูงถึง 1.16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เขาถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาล
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เปิดเผยระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีที่เมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ว่า ถึงเวลาแล้วที่ เกร็ก เอเบล จะขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอของบริษัทภายในสิ้นปีนี้
แม้บัฟเฟตต์จะเคยประกาศตั้งเอเบลเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2021 แต่ที่ผ่านมา ยังไม่เคยระบุชัดว่าเอเบลจะรับตำแหน่งเมื่อใด จนกระทั่งมีการยืนยันอย่างเป็นทางการในครั้งนี้
บัฟเฟตต์กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีเพียงลูกของเขา 2 คนเท่านั้นที่ทราบเรื่องการตัดสินใจลงจากตำแหน่งซีอีโอ อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่า จะไม่ขายหุ้นของ Berkshire Hathaway แม้แต่หุ้นเดียว
ทั้งนี้ บัฟเฟตต์จะยังดำรงตำแหน่ง ประธานบริษัท ต่อไป และหลังจากเขาเสียชีวิต ตำแหน่งประธานจะถูกส่งต่อให้กับ ฮาวเวิร์ด บัฟเฟตต์ บุตรชายของเขา
ทั้งนี้ ผู้คนที่เข้าร่วมการประชุม Berkshire Hathaway จำนวน 4 หมื่นคนต่างลุกขึ้นปรบมือให้กับบัฟเฟตต์ หลังข่าวการเตรียมลงจากตำแหน่งซีอีโอของบัฟเฟตต์ นักธุรกิจชื่อดังหลายคนได้ออกมาแสดงความชื่นชมให้กับผลงานการบริหารธุรกิจของบัฟเฟตต์ อาทิ
ด้าน ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล กล่าวว่า “ไม่เคยมีใครเหมือนบัฟเฟตต์ คนอีกนับไม่ถ้วนรวมถึงตัวเขาเองต่างได้รับแรงบันดาลใจจากความฉลาดของบัฟเฟตต์ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าบัฟเฟตต์ได้ส่งต่อ Berkshire Hathaway ให้กับเอเบลที่เป็นคนเก่งมาก”
ทั้งนี้ Berkshire Hathaway เป็นเจ้าของบริษัทมากกว่า 60 แห่ง ไล่ตั้งแต่บริษัทประกันภัย Geico บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ชื่อดัง Duracell และ Dairy Queen ร้านไอศกรีมชื่อดัง นอกจากนั้นยังถือหุ้นใหญ่ในหลายบริษัท เช่น Apple, Coca Cola, Bank of America, และ American Express
สุดท้ายนี้ บัฟเฟตต์ คือนักลงทุนระดับตำนานที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในชีวิต เขาเริ่มต้นหาเงินก้อนแรกตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบ ซื้อหุ้นครั้งแรกตอนอายุ 11 ปี และเริ่ม จ่ายภาษีครั้งแรกในวัยเพียง 13 ปี
จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ สู่การเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกการเงิน ปัจจุบันบัฟเฟตต์ครองตำแหน่ง บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดอันดับ 4 ของโลก ด้วยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิสูงถึง 154,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ตามรายงาน Bloomberg เดือนเมษายน 2568)
แม้จะมีทรัพย์สินมหาศาล แต่เขายังคงใช้ชีวิตเรียบง่าย และได้บริจาคเงินเพื่อการกุศลไปแล้วหลายพันล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการ สร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลก ไม่เพียงแค่ในแวดวงธุรกิจ แต่ยังรวมถึงสังคมโดยรวมด้วย