
BBIK ร่วง 11% โบรกหั่นเป้าเหลือ 39.90 บ. หวั่นกำไร Q1 ต่ำคาด! งานต่างชาติแผ่ว
BBIK ร่วง 11% หลังคาดกำไร Q1/68 โตเพียง 7% เหตุเศรษฐกิจในประเทศอ่อนแรง และไม่มีงานต่างประเทศ โบรกฯ ปรับลดกำไรปี 68–69 ลง 6–7% คงแนะ “ซื้อ” แต่ลดเป้าราคาเหลือ 39.90 บาท จาก 45.70 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (6 พ.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ณ เวลา 10:13 น. อยู่ที่ระดับ 26.00 บาท ลบ 3.25 บาท หรือ 11.11% สูงสุดที่ระดับ 26.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 25.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 15.02 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวอเคราะห์ถึง BBIK เราคาดกาไรหลักในไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อนหน้า แต่ปรับตัวลง 29% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งการเติบโตจากปีก่อนหน้าเป็นผลมาจากรายได้ (ไม่รวมรายได้จากการจัดจ้างบุคลากรโดย JV) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ขณะที่ อัตราการเติบโตที่ค่อนข้างต่ำเกิดจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอและไม่มีโครงการต่างประเทศ และการที่กำไรที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า มาจากปัจจัยฤดูกาล โดยไตรมาส 4 มักเป็นช่วงพีคของการติดตั้งระบบ และส่งมอบโครงการ
นอกจากนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ได้ ปรับลดประมาณการกำไรหลักปี 68-70 ลง 6-7% เนื่องจาก 1.) กำไรหลักไตรมาส 1/68 เติบโตเพียง 7% จากปีก่อนหน้า และ 2.) ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า ซึ่งทำให้ลูกค้าบางรายของ BBIK ชะลอการตัดสินใจการลงทุนด้านเทคโนโลยี ทั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบจากเศรษฐกิจ ทีมขายของ BBIK ได้เข้าหาลูกค้าเชิงรุกมากขึ้น และผู้บริหารตั้งเป้าคว้างานจากภาครัฐเพิ่มเติมในปีนี้
โดยฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาส 1/68 มากกว่า 10% มาจากภาครัฐ (เทียบกับสัดส่วนไม่ถึง 5% ในปี 66–67) ซึ่ง ส่วนใหญ่ มาจากแพลตฟอร์ม Digital Payment ของโครงการ Digital Wallet เฟส 3 มูลค่า 90 ล้านบาท
ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเหลือ 39.90 บาท จากเดิม 45.70 บาท รับปัจจัยกดดันการปรับลดประมาณการกำไรและ Terminal growth จาก 2.5% เหลือ 2.2% ปัจจัยบวกที่อาจช่วยกระตุ้นราคาหุ้น คือการชนะประมูลโครงการขนาดใหญ่จาก Virtual Bank หรือภาครัฐ