SAMART เทิร์นอะราวด์…สัญญาณโตทุกธุรกิจ
แนวโน้มปี 68 นี้ น่าจะเป็นอีกปีที่ SAMART ซึ่งประกอบธุรกิจ 3 สายหลัก คือสายธุรกิจ Digital ICT Solution, Digital Communications และ Utilities and Transportations เติบโตแข็งแกร่ง
คุณค่าบริษัท
ดูแนวโน้มในปี 2568 นี้ น่าจะเป็นอีกปีที่เห็นบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART ซึ่งประกอบธุรกิจ 3 สายหลัก คือสายธุรกิจ Digital ICT Solution สายธุรกิจ Digital Communications และสายธุรกิจ Utilities and Transportations เติบโตแข็งแกร่ง หลังจากงบไตรมาส 2/2568 พลิกมามีกำไรสุทธิ 159.65 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 183.39 ล้านบาท หนุนให้งบในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 พลิกมามีกำไรสุทธิ 215.33 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 128.62 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการประมาณการหนี้สินระยะยาวจากกรณีข้อพิพาทกับคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 และการกีฬาแห่งประเทศไทย จำนวน 283 ล้านบาท
ที่น่าจับตาคงเป็นทิศทางทุกสายธุรกิจที่เป็นขาขึ้น ซึ่งล่าสุดผู้บริหารเปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 มีรายได้แตะ 7,700 ล้านบาท และมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ทั้งกลุ่มประมาณ 18,000 ล้านบาท โดยสายธุรกิจ Digital ICT Solutions ผ่าน บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL ในช่วง 9 เดือนมีการเซ็นสัญญาโครงการใหม่มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันมี Backlog รวมกว่า 8,000 ล้านบาท
สายธุรกิจ Digital Communications โดยบริษัท สามารถ ดิจิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SDC ครึ่งปีแรกมีกำไรถึง 33 ล้านบาท จากค่า Air Time ในโครงข่ายวิทยุคมนาคมระบบดิจิทัล หรือ Digital Trunked Radio System ของโครงการจัดหาระบบวิทยุสื่อสารข่ายบังคับบัญชากระทรวงมหาดไทย (MOI)
สายธุรกิจ Utilities & Transportations โดยบริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV ธุรกิจด้านการให้บริการจัดการการจราจรทางอากาศที่ประเทศกัมพูชา เฉพาะ 9 เดือน จำนวนไฟล์ตบินเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปีก่อน ส่วนบริษัท เทด้า จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจก่อสร้างโครงการสายส่งสถานีไฟฟ้าแรงสูงแบบครบวงจร ในช่วง 9 เดือน มี Backlog แล้วกว่า 3,800 ล้านบาท
ไม่นับรวมงานใหม่ที่รอประมูลในช่วงไตรมาส 4/2568 อีกเกือบ 9,000 ล้านบาท อย่าง SAMTEL มีงานรอประมูลรวมกว่า 4,000 ล้านบาท คาด Backlog สิ้นปีจะอยู่ที่ประมาณ 9,000 ล้านบาท ด้าน SAV มีงานรอประมูลประมาณ 2,300 ล้านบาท เป็นโครงการที่เกี่ยวกับการขายอุปกรณ์ให้วิทยุการบิน และ FOD ด้านบริษัท เทด้า จำกัด มีงานรอประมูลเกือบ 2,000 ล้านบาท ทำให้คาด Backlog ทั้งกลุ่ม ณ สิ้นปี 2568 จะทะลุ 20,000 ล้านบาท จาก Backlog ที่มีค่อนข้างสูง คาดจะหนุนผลการดำเนินงานของ SAMART ให้เติบโตทั้งในปีนี้และปีต่อ ๆ ไป
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น SAMART ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 12.77 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 17.10 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายต่ำกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 1.16 เท่า ก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.24 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 8.30 บาท จากราคาต่ำสุด 8.04 บาท และราคาสูงสุด 8.55 บาท
