
BVG เด้ง 4% ตอบรับงบ Q1 กำไรโต 9% แตะ 14 ล้านบาท –รุกที่ปรึกษาคณิตฯ ประกันภัย CLMV
BVG ดีดกลับ 4% ขานรับข่าวผลการดำเนินงานไตรมาส 1/68 กำไรสุทธิ 14 ล้านบาท เติบโต 9% พร้อมเดินหน้าให้คำปรึกษาคณิตศาสตร์ประกันภัยกลุ่มประเทศ CLMV เตรียมลุยงานด้าน AI ดันรายได้เติบโตต่อเนื่อง 2 หลักต่อปีตามเป้าหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 พ.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BVG ณ เวลา 10.20 น. อยู่ที่ระดับ 1.91 บาท บวก 0.07 บาท หรือ 3.80% ราคาสูงสุดที่ระดับ 1.92 บาท ราคาต่ำสุดที่ระดับ 1.86 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 13,000 บาท
โดยราคาหุ้นของ BVG ที่ปรับตัวขึ้น เบื้องต้นขานรับปัจจัยบวกหลังผู้บริหาร นางนวรัตน์ วงศ์ฐิติรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BVG หนึ่งในผู้นำในการดำเนินธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์ (ระบบ EMCS) ในประเทศไทย เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 ประจำปี 2568 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 14.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ทว่า กวาดรายได้รวมจากการบริการเพิ่มขึ้น 18% แตะ 152 ล้านบาท ตามการเติบโตที่ดีของเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจการให้บริการแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชั่น สำหรับบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์ (ระบบ EMCS) รายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 6% แตะ 63 ล้านบาท จากบริการจัดการสินไหมทดแทนประกันภัยรถยนต์ (Claim Settlement) ที่เติบโตดีต่อเนื่อง
ขณะที่กลุ่มธุรกิจบริษัทลูก ทั้งธุรกิจให้คำปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย (BVA), ธุรกิจให้บริการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ (BVTECH) และธุรกิจให้บริการ คำแนะนำ และวางแผนเข้าถึงการใช้บริการด้านสุขภาพ (BVH) มีรายได้เติบโตโดดเด่น 225% อยู่ที่ราว 32 ล้านบาท ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้กลุ่มธุรกิจ BVA และ BVTECH ผลจากการบังคับใช้มาตรฐานการายงานทางการเงินระหว่างประเทศ ฉบับที่ 17 เรื่องสัญญาประกันภัย (IFRS 17) นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นสำคัญ
โดยบริษัทได้ส่งมอบงานวางระบบ และรับรู้รายได้งานที่ปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัยจากลูกค้ารายใหญ่ที่ได้ลงนามสัญญาไปช่วงกลางปี 2567 เข้ามาเต็มไตรมาส และจะทยอยรับรู้เข้ามาต่อเนื่องทุกไตรมาสตลอดอายุสัญญา 6 ปี มูลค่าโครงการรวมราว 60 ล้านบาท
สำหรับกลุ่มธุรกิจให้บริการบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ ด้านการรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทน รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำที่เกี่ยวข้อง ผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน (BVTPA) มีรายได้กว่า 57 ล้านบาท หลังมีการรับรู้รายได้จากลูกค้ารายใหญ่ที่ได้ลงนามสัญญาช่วงปลายปี 2567 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง ส่งให้ต้นทุนบริหารและค่าใช้จ่ายรวมงวดไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 136 ล้านบาท เพิ่มขึ้นในอัตราที่สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้รวม ซึ่งสาเหตุหลักมาจากต้นทุนการให้บริการ IFRS 17
ด้าน นางนวรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับช่วงไตรมาส 2/2568 ต่อเนื่องช่วงครึ่งหลังของปี 2568 บริษัทฯ เตรียมแผนเดินหน้าขยายฐานงานบริการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและสารสนเทศ และบริการให้คำปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย เข้าไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม รวมถึงประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย
ทั้งนี้ จะเริ่มทยอยประกาศใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS 17 นับตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป รวมทั้งเดินหน้าขยายงานด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัวโซลูชั่นใหม่ “AI Inspect” สำหรับช่วยตรวจสอบสภาพรถยนต์ก่อนรับประกันแบบเรียลไทม์ ได้นำเสนอให้กับบริษัทประกันภัยแล้วรวม 7 บริษัท ซึ่งรวมถึงบริษัทประกันภัยรายใหญ่ในกลุ่ม Top 5 จำนวน 3 บริษัท คาดว่าจะได้งานใหม่เข้ามาต่อยอดการเติบโตภายในช่วงไตรมาส 2/2568 ดังนั้นจึงยังคงมั่นใจภาพรวมทั้งปี 2568 รายได้รวมเติบโตต่อเนื่อง 2 หลักตามเป้าหมายที่วางไว้