“เผ่าภูมิ” ส่งซิกใช้เงินระวัง – ลุ้นบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจปรับแผนใหม่ “เงินหมื่นวัยรุ่น”

“เผ่าภูมิ” ย้ำใช้งบต้องรัดกุมทุกบาท บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจจ่อรื้อแผนเติมเงิน “ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000” เดินเกมรับมือความผันผวนโลก


วันนี้ (10 พ.ค. 68) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงแนวทางการบริหารเศรษฐกิจไทยภายใต้หลัก “รัดกุมที่สุด คุ้มค่าที่สุด”

โดยนายเผ่าภูมิ ระบุว่า สถานการณ์เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น จากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่อยู่นอกเหนือการควบคุม และส่งผลกระทบไปทั่วโลก สำหรับประเทศไทย แม้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบที่แน่ชัด เนื่องจากกระบวนการเจรจายังไม่แล้วเสร็จและยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่แน่นอนว่าเศรษฐกิจไทยจะสูญเสียโมเมนตัมไปบางส่วน

รมช.คลัง เน้นย้ำว่า รัฐบาลบริหารเศรษฐกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด และการบริหารงบประมาณก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยจะมีการเตรียมพื้นที่ทางการคลังไว้รองรับสถานการณ์

อีกทั้ง รัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศให้มากขึ้น เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันต่อความผันผวนของเศรษฐกิจโลก รวมถึงมาตรการดูแลประชาชนเพื่อลดภาระค่าครองชีพ การช่วยเหลือภาคธุรกิจ รวมถึงผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดเล็กและขนาดกลาง

“การพิจารณาเรื่องงบประมาณในภาพรวม จำเป็นต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ให้ได้มากที่สุด รัฐบาลให้คำมั่นสัญญาว่า ทุกบาททุกสตางค์ของงบประมาณจะถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สอดรับกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่สุด รัดกุมที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ” นายเผ่าภูมิ ระบุทิ้งท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ความเคลื่อนไหวเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจกำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา ไม่มีการเสนอโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่าน “ดิจิทัลวอลเล็ต” สำหรับกลุ่มอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน วงเงิน 27,000 ล้านบาท หรือ “ดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3” ที่เรียกกันว่า “เงินหมื่นวัยรุ่น” ตามไทม์ไลน์ที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เคยระบุไว้

อีกทั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2/2568 โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่

ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังมีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูล เพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงผันผวน รวมถึงผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกัน Moody’s ได้มีการปรับแนวโน้มความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ลง ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งหนังสือแจ้งต่อกระทรวงการคลัง เพื่อให้พิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และผลักดันให้มีการปรับนโยบายการลงทุนภายในประเทศให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อรองรับภาคการส่งออก

“ผมได้ออกหนังสือถึงคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อแจ้งให้รับรู้ว่า จะมีการปรับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ และให้แต่ละหน่วยงานทำการบ้านมาว่าจะต้องทบทวน ปรับแผน และปรับการใช้เงินอย่างไร โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะเอาอย่างไร จะปรับอย่างไร กรรมการทุกคนรับรู้ว่าจะมีการปรับแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งต่างคนก็ต่างไปทำการบ้านกันมา” รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่าว

Back to top button