
“ประเสริฐ”ลุย “กาฬสินธุ์” สั่งเร่งโครงการน้ำ 138 แห่ง รับมือฝนทิ้งช่วง-อุทกภัยปี 68
“ประเสริฐ” รองนายกฯ–รมว.ดีอี นำทีมลงพื้นที่กาฬสินธุ์ ติดตามแผนพัฒนาแหล่งน้ำ-ซ่อมบ่อบาดาล-ประปาหมู่บ้าน สั่งเร่งดำเนินโครงการน้ำ 138 แห่ง วงเงิน 147 ล้านบาท รับมือฝนทิ้งช่วง–อุทกภัยปี 68 และเตรียมของบปี 69 อีก 718 ล้าน หวังเพิ่มน้ำเก็บกักอีก 2.6 ล้าน ลบ.ม. ครอบคลุมประชาชนกว่า 15,000 ครัวเรือน
วันที่ 18 พฤษภาคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ลงพื้นที่กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 12 จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยในช่วงเช้าลงพื้นที่หนองหมาจอก เทศบาลตำบลยางตลาด เพื่อการบริหารจัดการน้ำและยกระดับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอ ตรวจเยี่ยมโครงการขุดลอกหนองคำยิ่งหมี บ้านคำยิ่งหมี หมู่ที่ 4 ตำบลนามน อำเภอนามน จากนั้น เป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาด้านน้ำ โดยมี นายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ เข้าร่วมประชุม ณ ที่ว่าการอำเภอห้วยผึ้ง จากนั้นในช่วงบ่ายนายประเสริฐ ได้นำคณะลงพื้นที่อำเภอกุฉินารายณ์ เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่างๆ ได้แก่ โครงการฝายห้วยนาครูแก้ว (ตอนล่าง) บ้านแจนแลน ตำบลแจนแลน และโครงการฝายห้วยหลักทอด (ตอนล่าง) บ้านกกตาล ตำบลบัวขาว
นายประเสริฐ กล่าวว่า รัฐบาลมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เนื่องจากขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังสภาวะฝนทิ้งช่วง การลงพื้นที่ครั้งนี้ เพื่อกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการดำเนินงานตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 อย่างใกล้ชิด โดยมอบหมายให้ สทนช. ประสานร่วมกับกรมชลประทานติดตามสถานการณ์น้ำและการระบายน้ำของอ่างเก็บน้ำลำปาวให้เป็นไปตามแผน เพื่อช่วยลดผลกระทบจากอุทกภัยและบริหารน้ำต้นทุนให้เพียงพอไว้ใช้ฤดูแล้งถัดไป รวมทั้งให้จังหวัดกาฬสินธุ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การรับมืออุทกภัยและฝนทิ้งช่วงมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับโครงการที่จำเป็นเร่งด่วนแต่ยังไม่ได้รับงบประมาณ ขอให้เร่งดำเนินการเตรียมความพร้อมเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลต่อไป
นายประเสริฐ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้จังหวัด กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งซ่อมแซมหรือปรับปรุงแหล่งน้ำ บ่อบาดาล รวมถึงระบบประปาหมู่บ้านที่อยู่ในความรับผิดชอบให้พร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้จังหวัดสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้กับประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องด้วย
ด้านนางพัชรวีร์ สุวรรณิก รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องการบริหารจัดการน้ำในทุกมิติ โดยเฉพาะการสร้างความมั่นคงด้านน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อให้ประชาชนทุกครัวเรือนมีน้ำสะอาดไว้ใช้อย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี และยังได้เสนอโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2568 สำหรับโครงการในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ คณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว 138 โครงการ วงเงิน 147 ล้านบาท เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ สามารถเพิ่มความจุกักเก็บน้ำ 4.31 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) พื้นที่รับประโยชน์ 770 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 1,586 ครัวเรือน .
นอกจากนี้ สทนช. ได้กลั่นกรองแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ที่หน่วยงานเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 106 รายการ วงเงิน 718 ล้านบาท เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ สามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก 2.60 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 7,300 ไร่ พื้นที่ได้รับการป้องกัน 7,221 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 15,529 ครัวเรือน เช่น การปรับปรุงฝายลำพะยังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ, โครงการปรับปรุงและเพิ่มกำลังการผลิตระบบผลิตน้ำประปาพร้อมระบบกรองแบบอัตโนมัติ WATER TECH บ้านถ้ำปลา หมู่ที่ 11 ตำบลสหัสขันธ์ อำเภอสหัสขันธ์, โครงการก่อสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำเสีย เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เป็นต้น