
OR กำไรกลับมาสวยงามแต่ราคายังต่ำ
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รายงานผลการดำเนินงาน มีรายได้ขายและบริการ 182,422 ล้านบาท ลดลง 3,482 ล้านบาท
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR รายงานผลการดำเนินงาน มีรายได้ขายและบริการ 182,422 ล้านบาท ลดลง 3,482 ล้านบาท (-1.9%) จากไตรมาสก่อน โดยหลักจากปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงโดยไตรมาสนี้รายได้ขายและบริการของกลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลง 3.2% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงทั้งธุรกิจตลาดพาณิชย์และธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ลดลง 6.4% จากธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจอื่น ๆ ตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Global เพิ่มขึ้น 14.9% จากปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์ กัมพูชา และสปป. ลาว
ในไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้ มี EBITDA จำนวน 6,484 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,597 ล้านบาท (+32.7%) เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สี่ของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากกลุ่มทุนธุรกิจโดย กลุ่มธุรกิจ MOBILITY เพิ่มขึ้น 39.6% จากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่เพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้น 9.8% เพิ่มขึ้นทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่มและธุรกิจอื่น ๆ กลุ่มธุรกิจ Global เพิ่มขึ้น 30.8% เพิ่มขึ้นโดยหลักจากประเทศฟิลิปปินส์ที่ผลประกอบการฟื้นตัว
สำหรับภาพรวมของค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิลดลงตามปัจจัยฤดูกาล โดยหลักจากค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย และค่าซ่อมแซมบำรุงรักษาสำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนภาพรวมลดลง โดยหลักเมื่อไตรมาสก่อนบริษัทร่วมทุนในประเทศเมียนมาได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน ในไตรมาสนี้อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ส่งผลให้เกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและมีผลกำไรจากตราสารอนุพันธ์ ทำให้ในไตรมาสที่หนึ่งของปีนี้ โออาร์มีกำไรสุทธิจำนวน 4,380 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 1,381 ล้านบาท (+46.0%) และคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.36 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่หนึ่งปีนี้เมื่อเทียบกับไตรมาสที่หนึ่งปีก่อน EBITDA เพิ่มขึ้น 311 ล้านบาทหรือ 5.0% โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจ yes Global ที่มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ดีขึ้นในประเทศสปป. ลาว ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle จากการควบคุมค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิได้ดีขึ้นในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Mobility ลดลงจากกำไรเฉลี่ยต่อลิตรที่อ่อนตัวลง แม้ว่าปริมาณจำหน่ายน้ำมันเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันอากาศยาน สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิลดลง โดยหลักจากค่าจ้างบุคคลภายนอกสำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนภาพรวมเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุหลักที่ส่งผลให้ OR มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 657 ล้านบาทคิดเป็น 17.6%
การที่ไตรมาสแรกของปีนี้ OR กลับมามีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.38 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบครึ่งหนึ่งของกำไรปีก่อนจากความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจกาแฟอะเมซอนที่เติบโตสวยงามจากแฟรนไชส์นอกปั๊มที่กลายเป็นดาวรุ่งตัวใหม่ของบริษัท แต่ราคาในตลาดกลับวิ่งสวนทางลงมาต่ำแถว 12.50 บาท ด้วยเหตุผลว่ากำไรนั้นไม่ได้มาจากธุรกิจหลักของการค้าปลีกน้ำมันที่ทรงตัว
เพียงแต่ราคาบุ๊กแวลูที่เพิ่มขึ้นของบริษัทเหนือ 9.35 บาท ก็น่าจะทำให้ราคาหุ้นในตลาดที่ลดลงจนต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาด คงจะช่วยให้นักลงทุนที่ชอบของถูกและชอบลงทุนในหุ้นพื้นฐานมั่นใจมากขึ้นว่าราคาหุ้น OR จะกระเตื้องขึ้นมาได้ไม่ยากในอนาคตข้างหน้า
วิษณุ โชลิตกุล