
คัด 4 หุ้นโรงกลั่น รับข่าว “โอเปก พลัส” ลดกำลังผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรล/วัน ถึงปี 69
โอเปก พลัส มีมติคงแผนลดกำลังผลิตน้ำมัน 2 ล้านบาร์เรล/วัน ยาวถึงสิ้นปี 69 หนุนราคาน้ำมันดิบฟื้นแรง ด้าน โบรกฯ มองบวกกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่น ชู PTTEP-TOP-PTT-PTTGC เด่น
ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีที่ประชุม โอเปกพลัส มีมติคงนโยบายการผลิตน้ำมันตามที่ได้ตกลงกันในการประชุมเดือน ธันวาคม 2567 โดยจะลดกำลังการผลิตรวม 2 ล้านบาร์เรล/วัน จนถึงสิ้นปี 2569 ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% ทะลุระดับ 62 ดอลลาร์ ในวันที่ 28 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเรียกร้องให้ สำนักเลขาธิการโอเปก ทำการประเมินศักยภาพการผลิตที่ยั่งยืนของแต่ละประเทศเพื่อกำหนด “เกณฑ์ขั้นต่ำ” (baseline) สำหรับการผลิตน้ำมันในปี 2570 ซึ่งจะใช้เป็นฐานในการคำนวณโควตาการผลิตของสมาชิก
ขณะเดียวกัน วันเสาร์นี้ 31 พฤษภาคม 2568 สมาชิก 8 ชาติของกลุ่มโอเปกพลัส ได้แก่ รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอลจีเรีย อิรัก คาซัคสถาน คูเวต โอมาน และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเคยตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 2 ครั้งก่อนหน้านี้ ขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการเพิ่มกำลังการผลิตและจะจัดการประชุมแยกต่างหาก
โดยคาดว่าที่ประชุมจะเห็นพ้องสำหรับการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 411,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนกรกฎาคม ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน ส่วนการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งถัดไปของกลุ่มโอเปกพลัส มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากรายงาน รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกใบอนุญาตแบบจำกัดให้ บริษัท CHEVRON ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันของสหรัฐ โดยอนุญาตให้ CHEVRON สามารถคงทรัพย์สินในเวเนซุเอลา ซึ่งรวมถึงการถือหุ้นในกิจการร่วมทุนด้านน้ำมันกับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของเวเนซุเอลา (PDVSA)
อย่างไรก็ดี ภายใต้ใบอนุญาตดังกล่าว CHEVRON จะไม่สามารถดำเนินงานในแหล่งน้ำมันของเวเนซุเอลา รวมทั้งไม่สามารถส่งออกน้ำมัน หรือขยายการลงทุนใด ๆ ในประเทศ ทั้งนี้ จุดประสงค์ของใบอนุญาตดังกล่าวก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เชฟรอนมีการชำระเงินใดๆ แก่รัฐบาลของประธานาธิบดี นิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหา มาดูโร ไม่มีความคืบหน้าในการส่งตัวผู้อพยพกลับประเทศและประสบความล้มเหลวในการปฏิรูปการเลือกตั้งเพื่อฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศ
โดยข่าวดังกล่าวสอดรับกับ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่าวานนี้ 28 พฤษภาคม ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรงทั้ง BRENT และ WTI กว่า 1-1.5% จากหลายปัจจัยสนับสนุน ซึ่งกดดันจากฝั่ง SUPPLY โดยมีรายละเอียด คือ ที่ประชุม OPEC+ มีมติคงนโยบายการผลิตน้ำมันตามที่ได้ตกลงกันในการประชุมเดือนธันวาคม 2567 โดยจะลดกำลังการผลิตรวม 2 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2569 กดดัน SUPPLY น้ำมันในตลาด
อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามการประชุมวันเสาร์นี้ของสมาชิก 8 ชาติของกลุ่ม OPEC+ ได้แก่ รัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย แอลจีเรีย อิรัก คาซัคสถาน คูเวต โอมาน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจะจัดการประชุมแยกต่างหาก โดยคาดว่าที่ประชุมจะเห็นพ้องให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 411,000 บาร์เรล/วันในเดือนกรกฎาคม 2568 ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพฤษภาคม และมิถุนายน
รวมไปถึง รัฐบาลของ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่อนุญาตให้ บริษัท CHEVRON ดำเนินงานในแหล่งน้ำมันของเวเนซุเอลา รวมทั้งไม่สามารถส่งออกน้ำมัน หรือขยายกิจกรรมใด ๆ ในเวเนซุเอลา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ CHEVRON มีการชำระเงินใด ๆ แก่รัฐบาลของเวเนซุเอลา
ขณะที่ ภาพรวม SET INDEX ในช่วงสั้นคาดได้รับปัจจัยเชิงบวกจากประเด็นดังกล่าว โดยมีหุ้น “กลุ่มพลังงาน-โรงกลั่น” เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ซึ่งมีน้ำหนัก (MARKET CAP) สูงถึง 1 ใน 3 ของน้ำหนักทั้งหมด ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ในยามราคาน้ำมันดิบขาขึ้น ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการผลิตและสำรวจน้ำมันที่มีรายได้อิงกับราคาขายน้ำมัน คือ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP
ส่วนของธุรกิจโรงกลั่น คือ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ที่ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปียัง LAGGARD ราคาน้ำมันดิบ BRENT และ WTI
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า ราคาน้ำมันดิบ Brent ลดลง 1.00% เมื่อเทียบรายวัน ปิดที่ 64.09 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ West Texas ลดลง 1.04% ปิดที่ 60.89 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากแรงกดดันฝั่งอุปทานที่จะเพิ่มขึ้น หลังมีรายงานว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และชาติพันธมิตร เตรียมเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนกรกฎาคม
โดยคาดว่าที่ประชุมโอเปกพลัสวันที่ 28 พฤษภาคม จะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 411,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกรกฎาคม ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด ส่งผลต่อจิตวิทยาลบต่อตลาดหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT และ PTTEP