คิงเพาเวอร์กับการท่าอากาศยานไทย

ความสัมพันธ์ระหว่าง คิง เพาเวอร์ กรุ๊ป กับ บมจ. ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT นั้นได้ชื่อว่าเอื้อประโยชน์ต่อกันจากความร่ำรวยในการผูกขาด


ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัท คิง เพาเวอร์ กรุ๊ป จำกัด กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT นั้นได้ชื่อว่าเอื้อประโยชน์ต่อกันจากความร่ำรวยในการผูกขาด กล่าวคือ ฝ่ายแรกเป็นผู้เช่าพื้นที่สำคัญของการท่าฯ ส่วนฝ่ายหลังเป็นเจ้าของพื้นที่ที่มีโอกาสสำคัญในการผูกขาดสิทธิในการบริหารสนามบินนานาชาติของไทยเพียงรายเดียว

ในยามรุ่งเรือง King Power เคยมีอัตรากำไรสุทธิถึง 70% ของยอดขาย จนกระทั่งเจ้าของบริษัทนายวิชัย รักศรีอักษร สามารถหอบกำไรส่วนเกินไปทุ่มซื้อทีมฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้ในอังกฤษ จนกระทั่งกลายเป็นตำนานของการซื้อทีมฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษมาแล้ว แต่วันนี้สถานการณ์พลิกผัน King Power ขาดทุนจนต้องร้องขอให้การท่าอากาศยานปรับเปลี่ยนสัญญาลดค่าเช่าพื้นที่ลง โดยอ้างผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ซึ่งการท่าอากาศยานก็ยอมรับฟังเหตุผล

ถึงแม้ว่าโอกาสสำคัญของการฟื้นตัวของธุรกิจบริหารสนามบินหลังวิกฤติโควิดจะกลับมาแล้ว แต่คำขอที่ King Power นำมาอ้างก็สร้างผลกระทบเนื่องจากพื้นที่ให้เช่าทำร้านค้าดิวตี้ฟรีสร้างรายได้ต่อเนื่องให้กับการท่าอากาศยาน

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง รักษาการตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบอร์ด ทอท. ที่มีนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เป็นประธานว่า ที่ประชุมบอร์ดทอท. ได้อนุมัติให้  ทอท. แก้ไขปัญหาของ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่รับสัมปทานสินค้าปลอดอากรในสนามบินของ ทอท.

ภายหลังจากที่ คิง เพาเวอร์ ส่งหนังสือขอยกเลิกสัญญาสัมปทานใน 3 สัญญาดิวตี้ฟรี ใน 5 สนามบินประกอบด้วย สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ สนามบินหาดใหญ่ และ สนามบินภูเก็ต ซึ่งฝ่ายบริหาร ทอท. จะเร่งว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา 2 ราย ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ มาวิเคราะห์แนวทางของสัญญา ข้อดีข้อเสียของสถานการณ์ต่าง ๆ รวมถึงการเปรียบเทียบระหว่างการปรับลดค่าตอบแทนกับการยกเลิกสัญญา รวมถึงหากมีการเปิดประมูลหาเอกชนเข้ามารับสัมปทานใหม่ ซึ่งจะต้องได้ข้อสรุปและรายละเอียดภายใน 60 วัน ก่อนที่จะนำเสนอทางเลือกต่าง ๆ ให้บอร์ดทอท. พิจารณาอีกครั้ง

นอกจากนั้นบอร์ด ทอท. ยังได้สั่งการให้ ทอท. เร่งแก้ไขปัญหาก่อนที่ผลศึกษาจะสรุป โดยให้ฝ่ายบริหาร ทอท. นัดหารือประชุมด่วนร่วมกับ คิง เพาเวอร์ ในวันที่ 17 มิ.ย. 68 เพื่อทำความเข้าใจและรับทราบรายละเอียดในสิ่งที่ทาง คิง เพาเวอร์ ต้องการและต้องการแก้ไข เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และเจตนารมณ์ที่แท้จริงของหนังสือเพิ่มเติม เนื่องจากหนังสืออาจตีความได้หลายแบบ

อย่างไรก็ตามแม้ว่า  คิง เพาเวอร์ ยังมีปัญหาและทำหนังสือมาขอยกเลิกก็ตาม ในระหว่างนี้ทางคิง เพาเวอร์ จะยังคงต้องปฏิบัติตามสัญญาและชำระค่าตอบแทนตามปกติ ซึ่งในส่วนของรายได้ผลประโยชน์ตอบแทนที่ ทอท. ได้รับจากคิง เพาเวอร์ถือเป็น สัดส่วน 17% หรือประมาณ 10,710 ล้านบาทจากสัดส่วนรายได้ทั้งหมดของ ทอท. ที่ 63,000 ล้านบาท

ขณะที่ ทอท. ยังคงมีรายได้ส่วนอื่น ๆ อีก 83% โดยที่ผ่านมา ทอท.มีสัญญาเชิงพาณิชย์อื่น ๆ ของ ทอท. ที่มีเกือบ 1,000 สัญญาก็มีการเจรจาและปรับเปลี่ยนเงื่อนไขมาโดยตลอดตามบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหาก คิง เพาเวอร์จะขอปรับเปลี่ยนแก้ไขก็ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกและไม่ใช่เป็นเคสแรก

นางสาวปวีณา กล่าวต่อว่า  ส่วนกรณีที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า ตนเข้ามารับตำแหน่งรักษาการ เอ็มดี ทอท. งานแรก สิ่งที่เร่งทำคือการแก้ไข สัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรี นั้น ในเรื่องนี้ตนไม่ได้หวั่นใจและไม่กังวลว่าคนจะมองว่าเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาคิง เพาเวอร์ เลย  เพราะในเมื่อเข้ามาทำงานแล้ว ก็จะต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่  ขณะเดียวกันในเมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้ไขไปเพื่อทำให้ ทอท. มีรายได้กลับมาและช่วยให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านเข้าออกได้รับความสะดวกสบาย

ผู้เขียนหวังว่าข้อสรุปนี้จะไม่ใช่การยอมรับว่า AOT ต้องปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสัญญามากมาย แต่การแก้ไขรายละเอียดต่างหากที่สำคัญว่าสัดส่วนของการแบ่งผลประโยชน์ จะเป็นเงื่อนไขชั่วคราวที่ใช้ในช่วงที่ King Power เจอปัญหาวิกฤติเท่านั้น  

การลดค่าเช่าระยะยาวให้กับ King Power จะกระทบรายได้ของ AOT อย่างมีนัยสำคัญ เหมือนกับเป็นการเตะหมูเข้าปากหมา

วิษณุ โชลิตกุล

Back to top button