
“แพทองธาร” ขอโทษคนไทย! ปมคลิปหลุด ชี้การกระทำของ “กัมพูชา” ถือเป็นภัยคุกคามชาติ
นายกรัฐมนตรี แถลงร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง ตอกย้ำรัฐบาลและกองทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน พร้อมขอโทษปมคลิปสนทนาที่ทำให้ประชาชนไม่สบายใจ พร้อมประณามการกระทำของผู้นำ “กัมพูชา” เป็นภัยคุกคามชาติ
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงร่วมกับกระทรวงต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม ตัวแทนเหล่าทัพ หลังนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมด่วนเพื่อประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่าง “ไทย” และ “กัมพูชา” โดยนายกรัฐมนตรี ได้เริ่มต้นด้วยการขอโทษประชาชน ต่อกรณีเสียงการสนทนาส่วนตัวระหว่างตนเอง กับสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ไม่ควรเกิดขึ้นและสร้างความไม่สบายใจให้กับประชาชน ซึ่งไม่ทราบมาก่อนว่า จะมีการอัดคลิปและเผยแพร่การสนทนาส่วนตัวที่ใช้โทรศัพท์มือถือส่วนตัวของ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงว่า การพูดคุยดังกล่าวเป็นเพียง “แทคติก” ในการเจรจาเพื่อลดความตึงเครียด และทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนสงบลง ซึ่งเจตนาของการสนทนาคือการแสดงความเข้าใจเบื้องต้น เพื่อเปิดทางให้มีการพูดคุยในรายละเอียดต่อไป อันเป็นส่วนหนึ่งของการต่อรอง เพื่อให้การปะทะหยุดลงและสถานการณ์สงบสุข แต่การกระทำเช่นนี้ โดยที่ผู้นำสนทนากันแล้วมีการอัดคลิปโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรได้รับการยอมรับในระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่ ๆ ที่มีการตกลงหรือพูดคุยเจรจากันก็ตาม
นายกรัฐมนตรี ยังเน้นย้ำถึงความเป็นเอกภาพระหว่างรัฐบาลและกองทัพในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งรัฐบาล ได้มีการหารือและทำความเข้าใจกับแม่ทัพภาคที่ 2 และกองทัพแล้ว โดยได้ข้อสรุปร่วมกันว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็น “ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ” รัฐบาลไทยและกองทัพได้แสดงความรับผิดชอบร่วมกันในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ
“รัฐบาลกับกองทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน นายกรัฐมนตรีเรียกร้องให้ประชาชนชาวไทยเป็นหนึ่งเดียวกับรัฐบาลและกองทัพ เพื่อผนึกกำลังและสามัคคีกันในการปกป้องอธิปไตยของชาติ เน้นย้ำว่าไม่ใช่เวลาที่เราจะต้องมาต่อสู้กันเอง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ในส่วนของการดำเนินการทางการทูต กระทรวงการต่างประเทศได้เน้นย้ำการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีและผ่านกระบวนการทวิภาคี นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยเข้ามายื่นหนังสือประท้วง เพื่อแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งต่อการกระทำของผู้นำกัมพูชา
ในช่วงท้ายของการแถลง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจะระมัดระวังในการพูดคุยสื่อสารให้มากขึ้นในอนาคต และยังแสดงความมั่นใจว่า หากทุกคนรวมกันเป็นหนึ่งและสามัคคีกัน ประเทศจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง