พาราสาวะถี

ย้ำมาตลอดว่าให้ระวังเล่ห์เขมรมนต์ขแมร์ กับปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา มันไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ ทักษิณ ชินวัตร คงคาดไม่ถึง


ย้ำมาตลอดว่าให้ระวังเล่ห์เขมรมนต์ขแมร์ กับปัญหาความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา มันไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ ทักษิณ ชินวัตร คงคาดไม่ถึง ได้แต่อ้าปากค้างไม่คิดว่าเพื่อนรักจะหักเหลี่ยมโหด เพื่อรักษาเก้าอี้ของตัวเองและทายาทตระกูลฮุน ถึงกับกล้าอัดเสียงพูดคุยกับ แพทองธาร ชินวัตร แล้วนำมาปล่อย จนสร้างความระส่ำระสายให้กับการเมืองไทยอยู่ในขณะนี้ แน่นอนว่า การเลือกที่จะไร้มารยาท ซึ่งความจริงก็ไม่มีอยู่แล้วนั้น เป็นการยิงกระสุนนัดเดียวหวังผลได้นกหลายตัว

เบื้องต้น ต้องการให้รัฐบาลไทยกับกองทัพเกิดความขัดแย้ง นั่นย่อมส่งผลต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตามมาด้วยการสั่นคลอนเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาล ซึ่งได้ผลแต่มันเป็นจังหวะบังเอิญที่เรียกได้ว่าขนมผสมน้ำยา เพราะเพื่อไทยกำลังจะดันให้ภูมิใจไทยเป็นฝ่ายค้าน พอมีปมคลิปร้อนแบบนี้ อนุทิน ชาญวีรกูล จึงฉกฉวยโอกาสประกาศตัดขาดจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลทันที พร้อมให้รัฐมนตรีของพรรคลาออกจากตำแหน่ง

ไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำให้คนฮือฮาแต่อย่างใด เป็นไปตามสูตรการเมืองที่พอเหมาะพอเจาะพอดี ส่วนความเคลื่อนไหวของพวกขาประจำ สมทบเข้ากับพวกที่มีอารมณ์ร่วมกับความไม่พอใจต่อท่าทีของนายกฯ หญิงที่เหมือนจะไปโอนอ่อนผ่อนตามกับผู้นำทางจิตวิญญาณของเขมร จึงเกิดเป็นกระแสเรียกร้องกดดันให้มีการลาออก หรือยุบสภา โดยที่พวกสุดโต่งหวังผลไปไกลถึงขั้นให้เกิดการรัฐประหารกันเลยทีเดียว กรณีนี้ไม่มีใครการันตีได้ว่าจะไม่เกิดขึ้น แต่ภายใต้ความยุ่งยากจากปัญหาปากท้องของประชาชน ฝ่ายกองทัพคงคิดหนัก

นั่นจึงตามมาด้วยการที่แพทองธาร ได้เรียกประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยมี พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก และผู้แทนเหล่าทัพเข้าร่วม ใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะร่วมกันแถลงข่าว ทั้งนี้ นายกฯ หญิงได้เปิดใจน้ำตาคลอขออภัยคนไทยที่มีคลิปเสียงหลุดออกมาในระหว่างที่คุยกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ก่อนจะยืนยันได้พูดคุยกับ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และอธิบายให้ผู้นำกองทัพเข้าใจทั้งหมดแล้ว

สิ่งสำคัญคือ วันนี้ทุกคน ทุกภาคส่วน ได้สรุปว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติและไม่ใช่ภัยคุกคามเล็ก ๆ ของประชาชน และไม่ใช่เวลาที่รัฐบาลหรือกองทัพต้องสู้กัน ไม่มีเวลามาทะเลาะกันเอง ทุกฝ่ายต้องปกป้องอธิปไตยเอาไว้ รัฐบาลยินดีที่จะสนับสนุนกองทัพทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนใด ๆ ที่ทางกองทัพต้องการ เป็นการยืนยันว่า ทั้งหมดคือความตั้งใจจะทำร่วมกัน สอดรับกับผู้บัญชาการทหารบกที่ย้ำว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ คนไทยต้องสามัคคี ร่วมกันปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ

ไม่ได้เป็นการยืนยันว่ารัฐประหารจะไม่เกิดขึ้น แต่เหมือนการส่งสัญญาณว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุ หรือภาวะแทรกซ้อนทางการเมืองใด ๆ โดย พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุ ผู้บัญชาการทหารบกขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบกที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่ ไม่รู้ว่าจะทำให้วางใจกันได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพไม่มีปัญหา วันนี้ (20 มิถุนายน) เวลา 11.30 น. แพทองธารจะลงพื้นที่ชายแดนช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ก่อนจะนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปที่องค์การบริหารส่วนตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน และในช่วงบ่ายจะเดินทางด้วยรถยนต์ไปยังฐานปฏิบัติการมรกต เพื่อพบปะกำลังพล และมอบสิ่งของบำรุงขวัญกำลังใจให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

แน่นอนว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป้าหมายของแพทองธารคือการได้พบกับแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ก่อนหน้านี้ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยทำความเข้าใจกรณีคลิปเสียงหลุดบทสนทนากับฮุน เซน ที่มีการพาดพิงถึงไปแล้ว หลังจากนั้นจะมีการประชุมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อหามาตรการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยสูงสุด แอ็กชันแข็งขันแบบนี้ไม่รู้ว่าจะสายเกินไปหรือไม่ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับท่าที และการตอบสนองจากกองทัพ

เบื้องต้น น่าจะทำให้แพทองธารใจชื้นได้บ้าง จากการที่แม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดกับนักเรียนจากสถานศึกษาพร้อมด้วยบริษัทเอกชนในจังหวัดนครราชสีมา ที่นำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นมามอบให้เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่แนวชายแดนว่า กองทัพภาคที่ 2 ยังทำหน้าที่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทำหน้าที่เหมือนเดิมไม่ว่าประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ในส่วนของฝ่ายบริหารก็ให้ทางรัฐบาลแก้ปัญหาทางด้านการเมืองไป

สารที่สื่อออกมาเช่นนี้ ย่อมหมายถึง รัฐบาลจะอยู่ต่อไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเจรจากันของพรรคร่วมที่เหลืออยู่ โดยเมื่อวานทั้งประชาธิปัตย์ รวมไทยสร้างชาติ และชาติไทยพัฒนา ได้มีการเรียกประชุมด่วน ทั้งนี้ ตามรายงานข่าว หลังจากที่นายกฯ ได้มีการร่วมแถลงกับผู้นำเหล่าทัพแล้ว ทำให้พรรคร่วมรัฐบาล ตัดสินใจอยู่ร่วมทำงานด้วยกันต่อไป แพทองธารจะไม่มีการลาออก หรือยุบสภาแต่อย่างใด จากนี้ขึ้นอยู่กับโฉมหน้าของ ครม.ชุดยกเครื่องจะปรับเพื่อเรียกความเชื่อมั่น หรือแค่ต่างตอบแทนกันทางการเมืองเท่านั้น

เหตุผลสำคัญที่ทำให้บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลือไม่ตัดสินใจสละเรือ คงเป็นปัจจัยที่ว่า มีเก้าอี้รัฐมนตรีว่างถึง 8 ตำแหน่งจากการไขก๊อกของภูมิใจไทย ย่อมเป็นช่องที่จะทำให้แต่ละพรรคสามารถต่อรองขอเพิ่มโควตากันได้ ในภาวะเช่นนี้เพื่อไทยก็ต้องยอม แต่ต้องตั้งอยู่บนโจทย์หลักที่ว่า กระทรวงหลัก เก้าอี้สำคัญที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง ต้องใช้คนที่ประชาชนให้การยอมรับและฝากความหวังไว้ได้เท่านั้น มิเช่นนั้น จะเดินต่อลำบาก น่าสนใจจำนวน สส.ตั้งต้นที่ 261 เสียงจะจับมือกันไปได้ไกลขนาดไหน

อรชุน

Back to top button