พาราสาวะถี

ไม่เข้าทางเกมของ ฮุน เซน ที่จงใจปล่อยคลิปเสียงสนทนากับ แพทองธาร ชินวัตร เพื่อหวังให้รัฐบาลไทยกับกองทัพเกิดความขัดแย้ง เมื่อทุกอย่างผ่านการเคลียร์ใจ ผบ.เหล่าทัพไม่ติดใจ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะคนที่ถูกพาดพิง ไม่มีปัญหา และยังเกิดภาพร่วมลงพื้นที่กับนายกรัฐมนตรีอย่างชื่นมื่น หมายความว่า รัฐบาลกับฝ่ายความมั่นคงยังคงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อเป้าหมายปกป้องอธิปไตยของประเทศ เพราะแบบนี้อีกฝ่ายจึงต้องประกาศตัดสัมพันธ์กับตระกูลชินที่มีมานานกว่า 30 ปีเลยทีเดียว

เป็นธรรมดาของการดิ้นเพื่อรักษาความมั่นคงในอำนาจของคนตระกูลฮุน ซึ่งไม่ใช่ธุระอะไรของรัฐบาลและฝ่ายการเมืองในประเทศไทย ปล่อยให้เต้นกันไป ขณะเดียวกัน ล่าสุด แม่ทัพภาคที่ 2 ได้มีคำสั่งปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องสายตะกู ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย การรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย พร้อมทั้งให้เกิดความเหมาะสมต่อการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน และความมั่นคงของประเทศ

ประเภทขู่ฟ่อด ๆ ถ้าทำกันแบบนี้จะมีการโต้ตอบต่าง ๆ นานา ก็ดูกันว่าใครจะได้รับผลกระทบมากกว่ากัน ปัญหาใหญ่ของไทยวันนี้ ไม่ใช่เรื่องความมั่นคงทางทหาร หากแต่เป็นเสถียรภาพของนายกฯ หญิงและรัฐบาลมากกว่า มาถึงตรงนี้ยังไงก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป ปัจจัยว่าด้วยเรื่องที่แพทองธารถูกร้องโดยประธานวุฒิสภาทั้งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และถอดถอนพ้นจากตำแหน่งนั้น เป็นปมที่ต้องผ่านกระบวนการ เมื่อทุกอย่างยังไม่ถึงเวลา ฝ่ายบริหารก็ต้องทำงานกันต่อเพื่อไม่ให้งานแก้ไขปัญหาบ้านเมืองต้องสะดุด

ส่วนปัจจัยว่าด้วยท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลอย่างประชาธิปัตย์ที่มีสมาชิกพรรคบางส่วนต้องการให้ถอนตัว มองเป็นสิทธิของคนที่ต้องการแสดงออก สุดท้าย กรรมการบริหารพรรคก็ต้องเลือกแนวทางที่คิดว่าพรรคได้ประโยชน์มากที่สุดนั่นก็คือ การจับมือกันต่อไป เช่นเดียวกันกับรวมไทยสร้างชาติกับเงื่อนไขขอเปลี่ยนตัวนายกฯ เป็นท่วงทำนองที่จะต้องทำตามไฟต์บังคับ ความจริงมิติทางการเมืองมันเป็นเรื่องของการยึดยื้อเพื่อให้เกิดการต่อรองมากกว่า

ถึงตอนนี้สิ่งที่ผู้มีอำนาจและแกนนำของพรรคเพื่อไทยเร่งดำเนินการ คือประสานหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว 261 เสียง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถค้ำยันให้รัฐบาลยืนระยะให้ได้นานที่สุด ใกล้หมดวาระปี 2570 ได้ยิ่งดี แต่สำหรับเสียงที่มีอยู่ปัจจุบัน บรรดาพรรคเล็กพรรคน้อย ที่ถูกจับตามองมากที่สุดหนีไม่พ้น 6 เสียงของไทยสร้างไทย ไม่ว่าผู้บริหารพรรคจะมีท่าทีอย่างไร สุดท้ายคนที่เป็น สส.ย่อมมีพลังมากกว่า ถ้าได้ 1 เก้าอี้รัฐมนตรีถามว่าใครจะปล่อยโอกาสทองแบบนี้หลุดลอยไป

เนื่องจากตอนนี้มีตำแหน่งเสนาบดีว่างถึง 8 เก้าอี้จากโควตาของภูมิใจไทย นั่นหมายความว่า รัฐบาลผสมที่เหลืออยู่ ต้องมากางจำนวน สส.ในสังกัด เพื่อให้ทางพรรคแกนนำรัฐบาลได้พิจารณา จะจัดสรรเก้าอี้กันอย่างไร นอกจากนั้น ยังต้องดูความเคลื่อนไหวของ 6 สส.ภายใต้สังกัด สันติ พร้อมพัฒน์ จะกลับหลังหันมาซบรัฐบาลหรือไม่ แม้จะได้เปิดดีลไปแล้วกับพรรคสีน้ำเงิน ขึ้นชื่อว่านักเลือกตั้งเมื่อมีจังหวะที่จะได้เกาะขบวนแห่งอำนาจ ไม่น่าจะมีใครปล่อยให้หลุดมือ

หากจับทิศจับทาง กระแสของฝ่ายที่รีบโหมกระพือ เพื่อสร้างแนวร่วมขับไล่รัฐบาลทันทีที่แพทองธารยืนยันว่าคลิปเสียงที่หลุดออกมาเป็นเรื่องจริง ในวันนั้นดูเหมือนว่ารัฐบาลจะเป็นฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย แต่พอได้ตั้งหลัก รีบประสานความสัมพันธ์กับฝ่ายกองทัพ และพบว่ากระแสไม่พอใจอาจดูมาก แต่ไม่ได้มากพอที่จะก่อหวอดจนถึงขั้นล้มรัฐบาลได้ ส่วนใหญ่เป็นพวกขาประจำเสียมากกว่า มันจึงทำให้กล้าที่จะตัดสินใจเดินต่อได้

เมื่อลองย้อนกลับไปดูจุดตั้งต้นของการล้มรัฐบาลทักษิณกับยิ่งลักษณ์ ได้หัวเชื้อที่จุดติดเรียกแนวร่วมได้ทันควันคือ การขายหุ้นชินคอร์ปให้กับเทมาเส็กจากสิงคโปร์ และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งทั้งสองกรณีนั้น ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องอ่อนไหวที่ฝ่ายต่อต้านรอจังหวะเท่านั้น แต่ยังมีเบื้องหลังของการเตรียมการ มีฝ่ายสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ต่างจากหนนี้แกนนำม็อบไม่ได้นัดระดมพลลงถนนโดยทันที กลับเลือกที่จะขีดเส้นวางเดดไลน์ เหมือนทอดเวลาเพื่อรอดูว่าแนวร่วมจะมีมากพอเพื่อสร้างแรงกดดันได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน การเลือกที่จะไปต่อสำหรับพรรคเพื่อไทย น่าจะทำให้เห็นว่านายใหญ่มีความมั่นใจต่อแรงหนุนที่จะสามารถทำให้รัฐบาลสามารถอยู่ต่อได้ เพียงแต่เมื่อมีการปรับ ครม.กันแล้ว ตัวบุคคลที่จะมากุมบังเหียนกระทรวงสำคัญนั้นต้องเป็นที่พึงพอใจของประชาชน มีความเป็นไปได้ว่า จะมีการใช้บริการคนนอกเข้ามาจำนวนหนึ่ง ถึงแม้ว่าภายใต้สถานการณ์การเมืองแบบนี้ คนที่ถูกทาบทามมีโอกาสจะปฏิเสธสูง แต่ด้วยโจทย์ของบ้านเมือง บวกเข้ากับพลังที่เป็นตัวช่วยในการต่อรอง ย่อมทำให้คนเหล่านั้นยินดีที่จะมาร่วมงาน

ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อให้ฝ่ายกองทัพสบายใจ และมั่นใจว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับงานด้านความมั่นคง เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจึงจะใช้บริการคนมีสี ที่ปรากฏชื่อเป็นข่าวก็มีความเป็นไปได้ แต่ภายใต้ปัญหาที่เผชิญเฉพาะหน้า บวกเข้ากับสามารถแก้ปมทางการเมือง เรื่องของเก้าอี้ตัวนี้จึงต้องรอบคอบเป็นพิเศษ ฝ่ายการเมืองคงไม่ติดขัดว่าจะเป็นใคร ที่ต้องฟังเสียงเป็นพิเศษคงเป็นจากฝ่ายความมั่นคง มาถึงตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครภายใต้กรอบทุกคนต้องสามัคคีกัน ชื่อที่ถูกเลือกจึงน่าจะเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

ยังไงรัฐบาลพลิกขั้วก็ต้องถูลู่ถูกังกันไปแบบนี้ ไม่เว้นแม้แต่ภูมิใจไทยที่ถอยตัวเองไปเป็นฝ่ายค้าน ถามว่าอยากให้ยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ไหม คำตอบเชื่อว่าไม่ต้องการ เพราะรู้กันดี หย่อนบัตรกันวันนี้พรุ่งนี้ หรือเร็ว ๆ นี้ พรรคประชาชนเข้าวินแบบถล่มทลายแน่ ๆ การทู่ซี้ทำงานกันต่อไปคือโอกาสที่จะสามารถสร้างผลงาน ทำให้ประชาชนเกิดความพึงพอใจได้ แม้เลือกตั้งอาจจะไม่ได้เป็นฝ่ายคว้าชัย อย่างน้อยก็ไม่ถูกทิ้งขาด รู้กันดีว่า พรรคสีส้มเหมือนมีกรรมถ้ายังสุดโต่งแบบนี้ไม่มีทางที่จะได้เป็นรัฐบาลแม้จะเป็นผู้ชนะก็ตาม

อรชุน