พาราสาวะถี

ไม่จำเป็นต้องตีโพยตีพายต่อการที่พรรคฝ่ายค้านหมาด ๆ อย่างภูมิใจไทย ประกาศจะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทันทีที่เปิดประชุมสภาวันที่ 3 กรกฎาคมนี้


ไม่จำเป็นต้องตีโพยตีพายต่อการที่พรรคฝ่ายค้านหมาด อย่างภูมิใจไทย ประกาศจะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทันทีที่เปิดประชุมสภาวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ บรรดาแกนนำหรือกระบอกเสียงของเพื่อไทยควรปล่อยผ่าน และบอกเพียงแค่ว่าเป็นสิทธิที่สามารถทำได้ คนส่วนใหญ่ยังจะให้กำลังใจมากกว่าการออกมาตอบโต้ หรือดักคอกันไว้ก่อน มันจะกลายเป็นว่าพรรคแกนนำรัฐบาลกำลังกลัวการตรวจสอบ หรือมีชนักปักหลังอะไรที่เกรงว่าจะถูกเปิดโปงหรือไม่

ต้องไม่ลืมว่าในฐานะที่ร่วมรัฐบาลกันมากว่า 2 ปี ที่ร่วมกันทำดีไว้ก็เยอะ แต่ประสานักเลือกตั้งไม่เชื่อว่าจะไม่มีใครสันหลังหวะ จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง ประเด็นที่จะนำมาแฉถ้าเปิดซักฟอก โดยพรรคสีน้ำเงินต้องการแนวร่วม คงหนีไม่พ้นปมคลิปเสียง แพทองธาร ชินวัตร คุยกับ ฮุน เซน แค่เท่านี้มันไม่สามารถที่จะนำไปสู่การล้มรัฐบาลได้ เพราะหากจะไปกล่าวหาโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมครม. พรรคของตัวเองก็เคยมีส่วนร่วมมาแล้วทั้งสิ้น

ธรรมชาติของการเมืองประเทศไทย ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหนสุดท้ายย่อมหนีไม่พ้นต้องพึ่งพาอาศัยกันด้านหนึ่งด้านใดอยู่แล้ว หน้าฉากก็เป็นเรื่องหัวโขนที่แตกต่างเท่านั้น เบื้องหลังเป็นที่รู้กัน ส่วนใหญ่ล้วนแต่ขอกันกิน จัดสรรปันส่วนเพื่อความอยู่รอด เรื่องภาษีสังคมที่ต้องจ่ายไม่ต้องพูดถึงนั่นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ผลประโยชน์ส่วนตัวมหาศาลจากงบประมาณภาครัฐ คือข้อแลกเปลี่ยนอันโอชะ ที่เหล่านักเลือกตั้งต่างวิ่งเข้าหาฝ่ายกุมอำนาจ เพื่อขอส่วนแบ่ง แค่เศษเสี้ยวก็ถือว่ามูลค่ามหาศาล

ชวนตั้งคำถามว่า แกนนำฝ่ายค้านพรรคประชาชน กับพรรคฝ่ายค้านอันดับสองภูมิใจไทย จะทำงานเป็นเนื้อเดียวกันได้หรือไม่ เป้าหมายเฉพาะหน้าเวลานี้พรรคสีส้มต้องการให้รัฐบาลยุบสภา เพราะรู้ดีว่าเลือกตั้งวันนี้พรุ่งนี้ พรรคของตัวเองมาแน่ ส่วนพรรคสีน้ำเงิน อนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมที่จะนำลิ่วล้อเข้าสู่โหมดการหย่อนบัตรแล้วหรือไม่ หน้าไพ่เห็นกันหมดแล้วว่าผลจะเป็นยังไง โจทย์ไปที่รับร่วมกันมาคราวตั้งรัฐบาลพลิกขั้วก็เห็นกันทนโท่ และรู้อยู่แก่ใจ การเมืองฉากต่อไปจะต้องเดินกันแบบไหน อย่างไร

ความเคลื่อนไหวจากฝ่ายค้านไม่ใช่เรื่องน่ากังวลสำหรับรัฐบาล หลังจากตั้งหลักได้ ทักษิณ ชินวัตร ย่อมมองเห็นโอกาสที่จะสนับสนุนให้ลูกสาวลากยาวเพื่อหวังสร้างผลงาน การเคลียร์ใจกับกองทัพได้เท่ากับยกภูเขาออกจากอก ยิ่งฝั่งตระกูลฮุนประกาศตัดสัมพันธ์กับตระกูลชินที่มีมานานกว่า 30 ปี ยิ่งทำให้ทุกอย่างเข้าทาง ชี้ให้เห็นว่า คลิปเสียงหรือการพบปะพูดคุยกันก่อนหน้า แพทองธารและตัวแทนรัฐบาลไม่ได้เอาอกเอาใจ หรือทำตามความต้องการของฝ่ายเขมรแต่อย่างใด

ท่ามกลางกระแสที่พยายามปั่นผ่านทั้งกระบวนการนิติสงคราม และม็อบขาประจำ นายใหญ่ย่อมรู้ดีว่าจะฝ่าด่านไปได้หรือไม่ ภาพของการเดินหน้าปรับครม. มันตัวบ่งบอกที่ชัดเจน ด้วยเหตุผลว่าสถานการณ์ชายแดนที่ต้องเฝ้าระวังกันอย่างใกล้ชิด และผลกระทบจากสถานการณ์โลก ไม่มีเหตุจำเป็นใด ที่จะต้องเปลี่ยนรัฐบาล ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ หรือเกิดการรัฐประหาร ทั้งหมดล้วนแต่เป็นตัวแปรด้านลบและมีโอกาสทำให้สถานการณ์ของประเทศเลวร้ายยิ่งขึ้น 

ดังนั้น การเลือกที่จะให้แพทองธารเดินต่อไปด้วยการปรับทัพรัฐนาวากันอีกกระทอก แม้เสียงในสภาจะลดฮวบจากการหายไปของภูมิใจไทย ไม่ใช่ปัญหา ขอเพียงแค่ทำให้ทุกอย่างนิ่ง แล้วพากันเดินไปโดยไม่สะดุด อุดรอยรั่ว ลบรอยร้าวจากสิ่งต่าง ที่เกิดขึ้น ดูเหมือนจะเป็นการปะผุแต่ก็ยังดีกว่าการปล่อยให้ทุกอย่างพังพินาศโดยไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ความจำเป็นที่จะต้องให้รัฐบาลไปต่อ บรรดาชนชั้นอีลิท และเหล่าผู้มีพลังที่เคยรวมหัวกันล้มรัฐบาลทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ต่างเข้าใจดี

สำหรับการจัดสรรปันส่วนเก้าอี้เสนาบดี เหล่าพรรคร่วมรัฐบาลต่างพอใจในสิ่งที่ได้รับการหยิบยื่นมาจากพรรคแกนนำ กล้าธรรมภายใต้การกุมบังเหียนของ ธรรมนัส พรหมเผ่า ดูเหมือนจะขึ้นหม้อกว่าพรรคอื่น ด้วยเหตุผล ได้โควตารัฐมนตรีว่าการมาเพิ่ม 1 ตำแหน่ง โดยจะโยก นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ไปนั่งว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากเดิมที่มีข่าวจะไปว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ อว. ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อรรถกร ศิริลัทยากร จะหวนกลับมาขึ้นชั้นว่าการกันเลยทีเดียว

ส่วนรัฐมนตรีช่วยอีก 2 ตำแหน่ง อัครา พรหมเผ่า น้องชายผู้กองมันคือแป้งที่ไขก๊อกจากเพื่อไทยมาทำงานกับกล้าธรรมเต็มตัว จะได้นั่งที่กระทรวงเกษตรฯ เหมือนเดิม อีก 1 เก้าอี้หนีไม่พ้น นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ผู้มาใหม่ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม แต่เพื่อลดแรงกระเพื่อมในพรรคจะไปใช้โควตาของพรรคไทยสร้างไทยที่ สส.ส่วนหนึ่งได้รับการดูแลจากธรรมนัส ขณะที่มีข่าวว่า ฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส่งลูกชาย ฉันทวิชญ์ นั่งรัฐมนตรีตามโควตาไทยสร้างไทยเหมือนกัน มีการยืนยันว่าทั้งคู่ได้กรอกประวัติตรวจสอบคุณสมบัติกันไปแล้ว น่าจะเข้าวินไปด้วยกัน

ฟากประชาธิปัตย์ที่ได้เพิ่ม 1 ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย ชัยชนะ เดชเดโช อาจต้องยอมเป็นผู้เสียสละ เนื่องจากเกรงว่าจะมีปัญหาเรื่องคดีความที่ยังค้างคาอยู่ พรรคเก่าแก่จึงจะเสนอชื่อ วุฒิพงษ์ นามบุตร สส.อุบลราชธานี 4 สมัย แทน ไม่ใช่เรื่องเสียหายเพราะถือว่าอยู่ในสายเดียวกัน อีกหนึ่งพรรคที่ได้รับการปูนบำเหน็จคือชาติพัฒนา แน่นอนว่า เก้าอี้รัฐมนตรีต้องเป็นของ เทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรค ซึ่งอาจจะเป็นการทิ้งทวน ก่อนที่พรรคจะไหลไปรวมกับเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า

อย่างที่บอกว่าภายใต้สถานการณ์เฉพาะหน้าที่ต้องประคับประคองรัฐบาลแพทองธารให้อยู่รอดปลอดภัย ควรทำศึกด้านเดียว นั่นเป็นเหตุผลให้มีการสั่งให้พรรคเพื่อไทยเลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ออกไปก่อน ทั้งที่เตรียมจะเข้าสู่วาระการประชุมของสภาในสัปดาห์ที่สองหลังเปิดประชุม ทุกย่างก้าวของ ครม.ชุดยกเครื่องใหญ่ พ่อนายกฯ ต้องประเมินละเอียด และประสานหลังบ้านกันอย่างหนัก เพื่อทำให้ลูกสาวอยู่อย่างมีเสถียรภาพ มั่นคงที่สุด

อรชุน

Back to top button