
“โอเปกพลัส” เตรียมเพิ่มกำลังผลิต 411,000 บาร์เรล/วัน เริ่ม ส.ค.นี้
“โอเปกพลัส” ส่งสัญญาณเพิ่มกำลังผลิตน้ำมันอีก 411,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม หวังฟื้นส่วนแบ่งตลาด หลังเปลี่ยนนโยบายจากการลดผลิตเป็นขยายกำลังผลิตครั้งใหญ่ในรอบหลายปี
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร (โอเปกพลัส) เตรียมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มเติมอีก 411,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนสิงหาคม 2568 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อทวงคืนส่วนแบ่งการตลาดที่สูญเสียไปจากการลดกำลังผลิตในช่วงก่อนหน้า ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุว่า หากมติดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม จะส่งผลให้ตลอดทั้งปี 2568 กลุ่มโอเปกพลัสสามารถเพิ่มกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 1.78 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมากกว่า 1.5% ของอุปสงค์น้ำมันทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม แม้มีการตกลงเพิ่มการผลิตในระดับกลุ่ม แต่โอเปกพลัสยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนด เนื่องจากบางประเทศสมาชิกยังอยู่ในช่วงการชดเชยกำลังผลิตที่เคยเกินโควตาในอดีต ขณะที่บางประเทศต้องใช้เวลาฟื้นฟูระบบการผลิตที่ได้รับผลกระทบก่อนหน้านี้
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เปิดเผยว่า กลุ่มโอเปกพลัสมีความเชื่อมั่นว่าความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการขยายการผลิตเพิ่มเติมในระยะใกล้
ทั้งนี้ การขยายกำลังผลิตดังกล่าวเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่เริ่มต้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่โอเปกพลัสเคยปรับลดกำลังการผลิตรวมกว่า 5 ล้านบาร์เรลต่อวันมาอย่างต่อเนื่องหลายปี โดยเมื่อเดือนเมษายน สมาชิก 8 ประเทศหลักได้ทยอยยกเลิกแผนลดกำลังการผลิตรอบล่าสุดจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเริ่มขยายการผลิตอย่างต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม มิถุนายน และกรกฎาคม
เบื้องหลังการเปลี่ยนทิศทางนโยบายยังมาจากความไม่พอใจภายในกลุ่ม โดยเฉพาะกรณีของคาซัคสถานที่ผลิตเกินโควตาในระดับสูง ขณะที่ประเทศสมาชิกอื่นที่ปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัดมองว่าเกิดความไม่สมดุลในการแบ่งภาระการผลิต อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากการแข่งขันกับผู้ผลิตรายใหญ่อย่างสหรัฐฯ ที่เพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้โอเปกพลัสเร่งปรับแผนเพื่อปกป้องสถานะในตลาดโลก
สำหรับ 8 ประเทศหลักที่มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มกำลังผลิตในรอบนี้ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย คูเวต อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คาซัคสถาน โอมาน และแอลจีเรีย โดยทั้ง 8 ประเทศจะเข้าร่วมประชุมในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ เพื่อพิจารณาทิศทางและกลยุทธ์ในการขยายกำลังผลิตในระยะถัดไป