จับตา ‘แบงก์-สื่อสาร’

ภาพรวมของตลาดหุ้นไทย นับจากนี้ หากเป็นเรื่องปัจจัยต่างประเทศ เช่น ความเสี่ยงจากการสู้รบระหว่างอิสราเอล อิหร่าน สหรัฐฯ อยู่ในทิศทางดีขึ้น


ภาพรวมของตลาดหุ้นไทย นับจากนี้ หากเป็นเรื่องปัจจัยต่างประเทศ เช่น ความเสี่ยงจากการสู้รบระหว่างอิสราเอล อิหร่าน สหรัฐฯ อยู่ในทิศทางดีขึ้น

หุ้นต่างประเทศรับรู้ข่าวต่างพากันวิ่งขึ้น

ส่วนของประเทศไทยขึ้น 1 วัน ลง 3 วัน ข่าวบวกไม่ค่อยอยากจะรับ แต่พอมีข่าวลบพร้อมกระโจนไปหา อย่างปัจจัยการเมืองที่ยังตามรังควาญไม่รู้จักจบสิ้น

ทั้งการชุมนุมทางการเมือง ที่แม้จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่อาจจะเป็นปัจจัยรบกวนได้อีกบ้าง

ส่วนวันนี้ต้องตามเรื่องศาลรัฐธรรนูญ จะรับหรือไม่รับ การพิจารณาสภานะของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี

และรวมถึงหน้าตาคณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดใหม่

ส่วนปัจจัยบวกเกี่ยวกับ “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายก และ รมว.คลัง ได้เดินทางไปสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ภายใต้ “ทีมไทยแลนด์” เพื่อเจราภาษีการค้า

เข้าใจว่า ภายในสัปดาห์นี้ น่าจะพอทราบผลกันแล้ว

เพราะก่อนหน้าหนี้มีการเจรจากันในระดับเจ้าหน้าที่กันไปพอสมควรแล้ว ที่เหลือเป็นการหารือกันนแบบเจอหน้าตากัน

แต่หุ้นไทยเหมือนจะยังไม่ยีดียินร้ายกับเรื่องการเจรจาการค้ากหับสหรัฐฯ สักเท่าไหร่

อีกปัจจัยบวกที่พอจะหนุนหุ้นไทยได้บ้าง

คือการประกาศงบการเงินงวดไตรมาส 2/2568 และน่าจะเป็นปัจจัยที่นักลงทุนเริ่มให้น้ำหนักมากขึ้น

สมมุติว่า หากการเมืองยังฝุ่นตลบ  แต่งบการเงินในกลุ่มหลักๆ ออกมาดี น่าจะช่วยพยุงดัชนีได้

ขณะที่ก่อนหน้านี้ เห็นนักวิเคราะห์หลายโบรกเกอร์ มองว่า แนวรับดัชนีหุ้นไทยบริเวณ 1,050 จุด น่าจะเป็น “ฐาน” สำคัญ และยากต่อการหลุดร่วงลงไปต่ำกว่านี้

สมมุติว่า หากดัชนีจะหลุดจากฐานดังกล่าวจริง

ก็จะมีโอกาสที่หุ้นไทยจะร่วงลงไปต่ำกว่า 1,000 จุด

ทว่า นั่นหมายความวว่า หุ้นใน “กลุ่มสื่อสาร” กับ “กลุ่มธนาคาร” จะถูกกระหน่ำขายออกมา

เพราะราคาหุ้นสองกลุ่มนี้ ยังไม่ได้ปรับลงมา โดยยังมีการเล่นรอบ เล่นราคาในกรอบกันอยู่

ในส่วนของกลุ่มสื่อสาร เท่าที่สำรวจตรวจดูแล้ว ยังไม่ได้มีปัจจัยลบอะไรเข้ามากดดันอย่างมีนัยฯ ส่วนแนวโน้มไตรมาส 2/2568 ยังค่อนข้างถุกมองในเชิงบวก

ส่วนกลุ่มธนาคาร ยังต้องจับตาเรื่องหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล

หากเอ็นพีแอล หรือกนีเสียของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ 4 แห่ง คือ KBANK BBL SCB KTB วิ่งขึ้นพร้อมๆ กัน

แบบนี้ถือว่าสัญญาณไม่ดีแน่ๆ 

น่าจะเห็นแรงขายจากนักลงทุนสถาบัน หรือกองทุนต่างๆ ออกมาพอสมควร

และอาจจะกดดันดัชนีลงมา

แต่หากในกลุ่ม 4 แบงก์ใหญ่ อาจจะมีบางแบงก์ที่หนี้เสียเพิ่มแต่แบงก์ที่เหลือคุมหนี้เสียได้ แบบนี้ไม่น่าจะส่งผลต่อภาพรวมตลาดมากนัก

หรืออีกสมมุติฐาน ทั้งกลุ่มแบงก์ และสื่อสาร ภาพรวมของกลุ่มต่างๆ มีผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาดพร้อมๆ กัน

ฐานที่ระดับ 1,050 จุด ที่ว่าแน่นๆ จะกลายเป็นเขื่อนที่จะพังทลายลงได้เช่นกัน

เว้นเสียแต่ว่าจะมีกลุ่มบิ๊กแคป เช่น “น้ำมัน” มีผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด ทั้ง PTT PTTEP TOP

โอกาสดัชนีจะหลุด 1 พันจุดนั้นคงค่อนข้างยาก

Back to top button