“กัณฑรา” แนะจับตาเจรจาภาษี “ทรัมป์” หากต่ำ 18% ลุ้น SET พุ่งแตะ 1,180 จุด

“กัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา” ชี้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในโซนฟื้นตัว หากอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐต่ำกว่า 18% มีลุ้นดัชนีแตะ 1,180 จุด พร้อมแนะหุ้นพื้นฐานเด่น GULF-NSL อัพไซด์สูง พื้นฐานแข็งแกร่ง


นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่า ตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นยังคงรอความชัดเจนของอัตราภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งหากออกมาต่ำกว่า 18% จะเป็นบวกต่อบรรยากาศการลงทุน มีโอกาสที่ดัชนี SET จะวิ่งขึ้นไปแตะระดับ 1,180 จุดได้ ขณะที่กรณีออกมาที่ 18%-20% ตลาดได้คาดการณ์ไว้แล้ว แต่หากสูงกว่า 20% อาจกดดันดัชนีให้ปรับตัวลง

นอกจากนี้ยังต้องติดตามเงื่อนไขแนบของข้อตกลง เช่น การเปิดตลาดสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ แบบปลอดภาษี ซึ่งอาจกระทบความสามารถในการแข่งขันของไทย หากแลกเปลี่ยนไม่เป็นธรรมกับประเทศอื่น เช่น เวียดนาม ที่เปิดรับเต็มรูปแบบและต้นทุนต่ำกว่าไทยมาก

ส่วนด้านเทคนิค ตลาดหุ้นไทยได้ผ่านช่วง Double Bottom แล้ว และผ่านแนวต้านที่ 1,120 จุด ซึ่งเคยเป็นแนวรับสำคัญมาก่อน ถือเป็นสัญญาณทางบวก ทั้งนี้ยังเห็นสัญญาณจากแรงซื้อของกองทุนในประเทศต่อเนื่องหลายวันติดต่อกัน ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มตลาดในระยะข้างหน้า

ขณะเดียวกัน ภาพรวมเศรษฐกิจและการเมืองเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น โดยตลาดคลายกังวลกรณีศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่นักลงทุนจับตาการพิจารณาร่างงบประมาณปี 2569 ในเดือนสิงหาคม ซึ่งหากผ่านได้จะหนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเสริมความเชื่อมั่นต่อนโยบายของภาครัฐ

ด้านกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้เน้นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสม เช่น GULF ที่มีพื้นฐานแข็งแรงและราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าประเมินที่ 56 บาท พร้อมทั้งมีปัจจัยบวกจากการควบรวมและการเติบโตของธุรกิจ Data Center

อีกหนึ่งหุ้นแนะนำคือ NSL ซึ่งประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่ 45 บาท และคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะเติบโตราว 22% และในปี 2569 จะเติบโตต่อเนื่องอีก 10% ทั้งนี้ ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนศักยภาพการเติบโตเต็มที่

นายกัณฑราย้ำว่า หุ้นพื้นฐานหลายตัวในตลาดขณะนี้มีอัพไซด์สูงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายปี นักลงทุนทั้งหน้าเก่าและใหม่ควรใช้จังหวะนี้ศึกษาและทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีเพื่อโอกาสในการลงทุนระยะยาว พร้อมเตือนให้หลีกเลี่ยงหุ้นไร้ปัจจัยพื้นฐานซึ่งไม่มีแรงหนุนเมื่อตลาดฟื้นตัว

Back to top button