“ฟินันเซีย ไซรัส” แนะ “ซื้อ” EGCO เป้า 116 บาท ชี้กำไรปี 68 แตะหมื่นล้าน

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมิน EGCO กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 10,500 ล้านบาท รับรายได้จากโครงการในต่างประเทศคาดว่าจะเข้ามาชดเชยได้ โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายที่ 116 บาทต่อหุ้น


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ออกรายงานบทวิเคราะห์ระบุถึง บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO โดยประเมินว่าบริษัทมีแนวโน้มการเติบโตของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และได้รับแรงหนุนจากการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง

โดยมองว่าแนวโน้มกำไรสุทธิของ EGCO ยังอยู่ในทิศทางที่ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการเพื่อการเติบโตใหม่หลายโครงการ ได้แก่ 1) โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin ในไต้หวัน ซึ่งจะเริ่มดำเนินงานเต็ม 100% ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป 2) การเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ของกำลังการผลิตเพิ่มเติมจากโครงการ APEX และ 3) การเข้าซื้อกำลังการผลิตเพิ่มเติมในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ธุรกิจโรงไฟฟ้าหลักของบริษัทยังคงมีเสถียรภาพ โดยได้รับประโยชน์จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่มีอยู่ เช่น การต่อสัญญา PSA ของ QPL, โรงไฟฟ้าถ่านหิน Paju, XPCL, NTPC, NT1PC ใน สปป.ลาว และ KEGCO กับ BLCP ในประเทศไทย

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานในปี 2568 จะเพิ่มขึ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 10,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 5,400 ล้านบาทในปี 2567 ขณะที่กำไรปกติ (หักรายการพิเศษ) คาดว่าจะอยู่ที่ 8,500 ล้านบาท ลดลงจาก 9,800 ล้านบาทในปีก่อนหน้า โดยมีแรงกดดันจากกำไร QPL ที่ลดลง หลังต่อสัญญา PSA กับผู้จัดส่งไฟฟ้ารายย่อยในอัตราที่ต่ำลง

อย่างไรก็ตาม รายได้จากโครงการในต่างประเทศคาดว่าจะเข้ามาชดเชยได้ ประกอบด้วย 1) โรงไฟฟ้า Yunlin ขนาด 640 เมกะวัตต์ ที่เดินเครื่องเต็มกำลัง 2) โรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ที่มีปริมาณกระแสน้ำสูงขึ้นจากฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปกติ 3) กำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่จาก APEX จำนวน 841 เมกะวัตต์ และ 4) รายได้จากโครงการ Pinnacle II ขนาด 251 เมกะวัตต์ ที่จะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2568 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ บริษัทมี ROE และความสามารถในการทำกำไรอยู่ในระดับที่ดี สอดคล้องกับการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยพอร์ตโรงไฟฟ้าเอกชนของ EGCO คิดเป็น 35% ของกำลังการผลิตรวมตามสัดส่วนการลงทุน ณ วันที่ 30 เมษายน 2568 ล่าสุด EGCO ได้ลงทุนในโครงการ Pinnacle II ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังลม Downeast ขนาด 126 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ Wheatsborough ขนาด 125 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของกำไร และเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ภายในปี 2573

โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” หุ้น EGCO โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 116 บาทต่อหุ้น (วิธี Sum-of-the-Parts หรือ SoTP) โดยมองว่าราคาหุ้นมี Downside จำกัดจากความชัดเจนของกำไรและอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมออยู่ที่ระดับ 6.2%

ขณะที่ Upside ยังคงมีอยู่จากการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี ยังมีความเสี่ยงจากผลกระทบอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลมาจากสัดส่วนกำไรจากต่างประเทศที่สูงถึง 80% ของกำไรจากการดำเนินงานทั้งหมด

Back to top button