
ตามคาด! “สภา” มีมติ 253 เสียง ถอนร่างพ.ร.บ. “เอน’ คอมเพล็กซ์”
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติ 253 ต่อ 67 เสียง ถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ หลังอภิปรายยาวกว่า 2 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 ก.ค.68) การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีวาระคือ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิง หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ลำดับแรก ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เห็นชอบให้ถอนร่างกฎหมายดังกล่าว
ภายหลังสมาชิกอภิปรายนานกว่า 2 ชั่้วโมง นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ได้เปิดให้สมาชิกลงมติ ปรากฏว่า เห็นด้วย 253 เสียง ไม่เห็นด้วย 67 (65+2) เสียง งดออกเสียงและไม่ลงคะแนนเสียง 0 จากจำนวนผู้ลงมติ 318 คน
ในช่วงการอภิปรายก่อนลงมติ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งข้อสังเกตและเรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงเหตุผลที่ต้องการถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ พร้อมทั้งขอให้ยืนยันว่า จะไม่ผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้กลับเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติอีก หากยังไม่มีการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน
ทางด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งได้รับมอบหมายจากครม. ให้มาชี้แจง ระบุว่า เหตุผลสำคัญที่ต้องถอนร่างกฎหมายครั้งนี้ มาจากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงความเห็นที่แตกต่างในสังคมเกี่ยวกับสาระของร่างกฎหมายดังกล่าว อย่างไรก็ดีตนไม่สามารถให้คำรับรองได้ว่าจะไม่มีการเสนอร่างนี้อีก เนื่องจากภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากครม. มีเพียงการชี้แจงเหตุผลของการถอนเท่านั้น
ขณะที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย แสดงจุดยืนชัดเจนว่า พรรคภูมิใจไทยไม่สนับสนุนการถอนร่างกฎหมาย หากรัฐบาลไม่แสดงความชัดเจนว่า จะยุติการผลักดันกฎหมายฉบับนี้อย่างถาวร พร้อมเตือนว่าหากไม่มีการยืนยัน พรรคภูมิใจไทยจะเดินหน้าผลักดันให้พิจารณาร่างกฎหมายต่อไป โดยจะอภิปรายคัดค้านอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของร่างกฎหมาย
ท้ายที่สุด นายจุลพันธ์ได้ลุกขึ้นชี้แจงเพิ่มเติม ยืนยันว่า การเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาฯ ใหม่ในอนาคตเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้ตามครรลองของระบบรัฐสภา พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทยว่า ในช่วงที่ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาล กลับไม่มีท่าทีคัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่กลับแสดงออกอย่างชัดเจนภายหลังถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้าน